
30 เมษายน 2568 ช่วงเช้าวันนี้ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นัดหมายสอบปากคำวิศวกรผู้ควบคุมงาน ที่ปรากฎลายเซ็นเป็นผู้ควบคุมงานในช่วง 20-30 สัปดาห์ ของการก่อสร้างอาคาร สตง.แห่งใหม่ จากบริษัทกิจการร่วมค้า PKW เพิ่มเติมเป็นชุดที่ 2 อีก 10 ราย จาก 40 ราย หลังจากเมื่อวานนี้สอบปากคำชุดแรกไปแล้ว 7ราย ซึ่งเป็นในฐานะพยาน
ทั้งนี้มีรายงานเบื้องต้นว่า ในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่สามารถติดต่อวิศวกรได้ทั้งหมดเพียง 9 ราย ส่วนอีก 1 ราย ยังไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งการสอบปากคำในวันนี้จะแบ่งการสอบสวนเป็น ช่วงเช้าทั้งหมด 4 ราย และช่วงบ่าย 5 ราย
โดยประเด็นของการสอบปากคำ ยังคงมุ่งเน้นไปที่ลายเซ็นที่ปรากฏชื่อวิศวกรเหล่านี้ โดยจะให้ทางวิศวกรที่เข้ามาให้ปากคำ ยืนยันว่า เป็นลายเซ็นจริงของตนเองหรือไม่ เป็นวิศวกรภายใต้กิจการร่วมค้า PKW จริงหรือไม่ เกี่ยวข้องกับกระบวนการควบคุมงานอย่างไรบ้าง และจะเก็บตัวอย่างลายเซ็นของวิศวกรไปให้กองพิสูจน์หลักฐานทำการตรวจสอบเปรียบเทียบ
ซึ่งเวลา 09.00 น. พบว่ามีวิศวกร 1 รายเดินทางเข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ที่ห้องิบรมความเชี่ยวชาญ ของกองคดีฮั๊วประมูล
โดยนักข่าวของเราได้สอบถามบุคคลใกล้ชิดที่เดินทางมาพร้อมกับวิศวกร เขาได้ให้ข้อมูลเบื้องต้นว่า วิศวกรคนดังกล่าวอายุมากกว่า 50 ปี ปัจจุบันยังเป็นวิศวกรอยู่ และทำงานอยู่ที่ไซต์งานก่อสร้างอาคารสตง. แห่งใหม่จริง
โดยทำหน้าที่ในการควบคุมงานก่อสร้าง และช่วงก่อนเกิดเหตุ ก็ยังเดินทางไปทำงานที่ไซต์งานทุกวัน รวมถึงวันที่เกิดเหตุแผ่นดินไหว 28มี.ค. วิศวกรรายนี้ ก็อยู่ภายในไซต์งานโดยอยู่บริเวณอาคารสำนักงานชั่วคราวที่เป็นตู้คอนเทนเนอร์ บริเวณอาคารของลานจอดรถ ซึ่งอยู่หลังอาคารที่ตึกถล่ม เมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหว เขาก็ได้รีบวิ่งหนีออกมาก่อนตึกสตง.จะถล่มดังกล่าว
สำหรับการสอบปากคำวิศวกรชุดแรกเมื่อวานนี้ 7 ราย พ.ต.ท.อมร หงษ์ศรีทอง ผู้อำนวยการกองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ หรือกองคดีฮั้วประมูล บอกว่า ทั้ง 7 คนก็ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนเซ็นชื่อในเอกสารการควบคุมงาน และมี 6 คนทำงานอยู่กับบริษัท ว.และสหาย
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจเปรียบเทียบลายมือที่ลงนามในแบบ กับลายมือของเจ้าตัวที่เซ็นปกติในชีวิตประจำวันทั้งในอดีตและปัจจุบันจากกองพิสูจน์หลักฐาน