svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

แฟน ผกก.โจ้ ยัน ไม่ได้ทะเลาะกัน ยอมรับติดต่อนักการเมืองจริง

แฟนอดีต ผกก.โจ้ ยัน ไม่ได้ทะเลาะกัน ไม่ได้โวยวายเสียงดัง แจงเหตุผลที่เสียงดัง พร้อมยอมรับ ติดต่อนักการเมืองจริง เพื่อให้ช่วยตามเรื่องร้องเรียน

14 มีนาคม 2568 ความคืบหน้ากรณีการเสียชีวิตของ อดีต "ผู้กำกับโจ้" หรือ ธิติสรรค์ อุทธนผล ในเรือนจำกลางคลองเปรม โดยญาติติดใจสาเหตุการเสียชีวิต เนื่องจากมีข้อพิพาทกับผู้คุมและผู้ต้องขังร่วมเรือนจำ ตามข่าวที่เสนอไปก่อนหน้านี้

ล่าสุด เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ที่ศาลาจีรวัสส์ รัชนิบูล วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน ในงานสวดอภิธรรมศพอดีต "ผู้กำกับโจ้" คืนนี้ โดยก่อนเริ่มพิธี คุณทราย แฟนของอดีตผู้กำกับโจ้ และนางสาวธนัญญา น้องสาวของอดีตผู้กำกับโจ้ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงกระแสข่าวที่เกิดขึ้น 

โดย คุณทราย เปิดเผยว่า เนื่องจากมีคำกล่าวหาอย่างที่บอกว่าตนเองทะเลาะกับพี่โจ้ เป็นต้นเหตุทำให้พี่โจ้น้อยใจเสียชีวิต ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะวันสุดท้ายที่ตนเองยังคุยกับพี่โจ้ พี่โจ้ยังแจ้งอยู่เลยว่าให้ดำเนินการเรื่องอะไรบ้าง และตนเองจะสามารถทำอะไรได้บ้าง เพื่อให้พี่โจ้ได้ออกมาจากห้องขังแดน 5 และตนเองจะไม่ยอมจมอยู่กับความทุกข์หรือคำกล่าวหาใดๆ จากใครก็แล้วแต่ ที่กล่าวหาว่า ตนเองไม่เต็มที่หรือไม่ช่วยพี่โจ้ เพราะพี่โจ้รู้ดีที่สุดว่า ตนเองอยากช่วยพี่โจ้ให้ออกมาจากตรงนั้น ทั้งครอบครัว เพื่อนพี่โจ้ และเพื่อนตนเอง ทุกคนทราบดีว่าที่พี่โจ้อยู่ในเรือนจำว่าตนเองอยากจะช่วยพี่โจ้

คุณทราย (คนขวา) แฟน อดีต ผกก.โจ้

ส่วนกระแสข่าวข่าวที่ว่า คุณทรายไปบอกเลิกผู้กำกับโจ้ คุณทรายยืนยันว่า "ไม่เป็นความจริง ทรายไม่มีทางเลิกกับพี่โจ้ และไม่เคยมีความคิดที่จะทิ้งพี่โจ้" และ ยืนยันว่า ในวันที่พูดคุยกันวันสุดท้าย ไม่มีการโวยวาย พร้อมอธิบายว่า ลักษณะจะของการพูดคุยกันเวลาไปเยี่ยม ถ้าพี่โจ้สั่งงาน หรือเรื่องของการแจ้งความผู้คุม จะเป็นการวางโทรศัพท์ แล้วตะโกนคุยกัน เพื่อไม่ให้มีใครมารับทราบว่าคุยอะไรกัน

"ยืนยันว่าทุกครั้งที่ไปเยี่ยม และจะสั่งงานหรือจะให้ดำเนินการตามขั้นตอนทางคดีกับคู่กรณี ก็จะใช้วิธีการตะโกนคุยแบบนี้ทุกครั้ง ไม่ใช่ครั้งล่าสุดอย่างเดียว เพราะพี่โจ้รู้ว่าจะมีการบันทึกเสียงจึงต้องตะโกนคุย เลยอาจจะดูเสียงดัง" คุณทราย ระบุ

ส่วนประเด็นที่ว่าคุณทรายร้องไห้ และมีสถานการณ์บางอย่างเกิดขึ้น ตนเองจำไม่ได้ว่าร้องไห้หรือไม่ เพราะปกติกลับมาบ้านก็ร้องไห้ทุกครั้งอยู่แล้ว เพราะตนเองสงสารพี่โจ้ ตลอดเวลา 2 เดือน พี่โจ้ทุกข์ใจเท่าไร ตนเองก็ทุกข์ใจเท่านั้น เพราะตนเองอยากช่วยเขา และการพูดคุยครั้งสุดท้ายเนื้อหาการสั่งงานทำถึงไหนแล้ว ให้ดำเนินการอะไรบ้าง 

"คำครหาต่างๆ เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ทรายทำอะไรรู้ตัวดี พี่โจ้รู้ดีว่าทรายเต็มที่ ไม่ว่าชะตาฟ้าลิขิตให้คนเราเป็นยังไง หล่อสวยรวยจน เป็นคู่แท้หรือคู่พราก พี่โจ้ไม่เคยคิดมากเรื่องทราย และทรายบอกตลอดว่าต่อให้ชะตาลิขิตให้มันต้องยากแบบนี้ ทรายก็จะอยู่ ทรายจะมั่นคงยิ่งกว่าชะตาที่ลิขิตมา ต่อให้โลกทั้งโลกหันหลังให้พี่โจ้ทรายก็จะอยู่กับเขา" คุณทรายกล่าว

ส่วนกรณีที่ราชทัณฑ์ยังยืนยันว่า มีหลักฐานทุกอย่าง คุณทราย ยืนยันย้ำว่า การขอย้ายแดนจากแดน 7 ไปแดน 5 ของพี่โจ้ไม่เป็นความจริง พี่โจ้ไม่ได้อยากอยู่ตรงนั้นแน่นอน ส่วนการย้ายจากแดน 5 กลับไปแดน 7 เป็นเรื่องที่ครอบครัวกำลังดำเนินการ เพราะถูกแกล้งให้ย้ายไปแดน 5 และยืนยันว่าครอบครัวไม่เคยเห็นเอกสารตามที่กรมราชทัณฑ์กล่าวอ้างด้วย และข้อเท็จจริงที่พี่โจ้ขอย้าย ครอบครัวไม่เคยได้ยินเขาพูดแบบนั้นเลย 

อดีต "ผู้กำกับโจ้"
 

เผย อดีต ผกก.โจ้ เซ็นยุติการร้องเรียนในเรือนจำ แลกไม่ลงโทษทางวินัย แต่ไม่ยุติการดำเนินคดีอาญา


ส่วนกรณีที่อดีตผู้กำกับโจ้เซ็นยินยอมเพื่อยุติการร้องเรียนผู้คุมนั้น คุณทราย อธิบายว่า พี่โจ้ เคยมาเล่าให้ฟังว่า ผู้คุมเรียกให้ไปเซ็นเอกสาร และเอกสารนี้เป็นการเซ็นยุติข้อร้องเรียน มีเงื่อนไขคือ ให้พี่โจ้ถอนข้อร้องเรียนในเรือนจำ และจะไม่ภาคทัณฑ์ ไม่ลงโทษทางวินัย ซึ่งพี่โจ้มาเล่าให้ตนเองฟังบอกว่า พี่โจ้ได้เซ็นไปแล้วพูดกับในกล้องที่บันทึกด้วยว่า "ผมเซ็นวันนี้เพื่อยกเลิกข้อร้องเรียนในเรือนจำเท่านั้น แต่การแจ้งความคดีอาญาภายนอกไม่ได้ถอน" ซึ่งพี่โจ้ ยืนยันว่ามีหลักฐาน ทั้งนี้ถ้ามีปัญหามีคนมาพูดถึงเรื่องนี้ แล้วหากมีการยืนยันจะลงโทษทางวินัย ให้ไปเอาเทปตัวนี้ออกมาได้เลย

พร้อมยอมรับว่า ตนเองก็กังวลว่าหลักฐานชิ้นนี้อาจจะไม่อยู่แล้ว เพราะเรากลัวทุกอย่างที่จะทำเหมือนว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้น เพราะเท่าที่ตนเองฟังข่าว หลายฝ่ายก็พยายามจะพูดแบบนั้น แต่ความจริงก็คือความจริง

คุณทราย ยอมรับว่า ตนเองมีการติดต่อหานักการเมืองจริงๆ คือ คุณไผ่ ลิกค์ เพราะเป็นผู้ใหญ่ที่มีเมตตา ซึ่งที่ติดต่อไปเพื่อปรึกษาและให้ช่วยตามเรื่อง ทางไหนที่ตนเองทำได้ ก็ทำทุกอย่าง เพื่อช่วยเหลือพี่โจ้ นอกจากการยื่นเรื่องร้องเรียน ตนเองทำเท่าทีเด็กคนหนึ่งจะคิดได้ ตนเองทำทุกอย่างจริงๆ 

ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหาว่าตนเองไปดื่มเหล้า สนุกสนานเฮฮา ตนเองขอชี้แจงว่า ปกติตนเองไม่ดื่มเหล้า เพราะดื่มแล้วแพ้จะต้องกินยา แต่ช่วงวันที่ 5-7 มี.ค.พ่อเพื่อนสนิทตนเองเสียชีวิต และตนเองก็ไปงานศพและไปร้านอาหารเพื่ออยู่กับเพื่อน แต่เพื่อนขอให้ดื่มตนเองก็ดื่มเป็นเพื่อน แต่กลับมาบ้านตนเองก็ทานยา จนวันสุดท้ายมีคนปลอบใจเพื่อนแล้วตนเองก็กลับบ้าน ตนเองไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมีการพยายามทำให้ตนเองเป็นคนทำให้พี่โจ้รู้สึกทุกข์ใจ แต่ตนเองก็ไม่ได้กังวล พร้อมย้ำว่า เป้าหมายเดียวของตนเองคือการทำเพื่อพี่โจ้ และจะไปไหนทำอะไรบอกพี่โจ้ทุกอย่าง เราอยู่กับมาหลายปี สู้กันมาหลายอย่า

ส่วนประเด็นที่ว่า รถหายมีทนายคนหนึ่งที่ทำคดีเอาไปนั้น คุณทรายบอกเพียงว่า ตลอดที่พี่โจ้อยู่ในเรือนจำ มีหลายคดี แต่รายละเอียดตอบได้ไม่มาก แต่ยอมรับว่าเกิดขึ้นจริงๆ ที่รถหาย ส่วนเป็นการขายไปเพื่อนำช่วยเหลือทางคดีหรือไม่นั้น ตนเองยังตอบไม่ได้ เพราะกังวลจะเสียรูปคดี

ขณะที่ น้องสาวของอดีตผูเกำกับโจ้ บอกด้วยว่า คดีวันนี้มีหลายหน่วยงานเข้ามาร่วมกัน จึงอยากขอบคุณทุกท่านและหวังว่าจะได้รับความเมตตาและความยุติธรรมจากทุกองค์กร 

คุณทราย บอกเพิ่มเติมด้วยว่า ขณะนี้คดีเข้าสู่กระบวนการแล้ว ขอขอบคุณ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และผู้ใหญ่หลายๆ ท่านที่เข้ามาช่วย เพราะตนเองเชื่อมั่นในความยุติธรรม 

ซึ่งวันที่ 16 มี.ค.นี้ จะจัดงานสวดอภิธรรมคืนสุดท้าย และจะยังไม่เผาร่างของอดีตผู้กำกับโจ้ และยังไม่มีกำหนดการเผา