ตามสาวแก๊งทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก ร้านยาทั่วไปไม่กล้ารับซื้อ

8 มีนาคม 2568 ความคืบหน้ากรณีขบวนการป่วยทิพย์ ร่วมกันทุจริต เข้ารับการรักษา เพื่อรับยาจากโรงพยาบาลทหารผ่านศึก กรุงเทพมหานคร โดยใช้สิทธิจ่ายตรง เเต่กลับนำยานอกบัญชีที่ได้มา นำไปขาย ให้กับหัวขบวนการที่รับซื้อยา โดยให้ส่วนเเบ่ง10% โดยมี พันเอกหญิง อักษรย่อ ก. เเละ เเพทย์หญิง บ. ที่เป็นหัวขบวนการ เเละ จ่ายยา สร้างความเสียหายมูลค่า กว่า 1,600 ล้านบาท

โดยผู้ร่วมขวนการส่วนใหญ่เป็นประชาชน ที่ใช้สิทธิข้าราชการ มีภูมิลำเนาอยุ่ในลพบุรี ซึ่งกรณีดังกล่าว พล.ต.ต.จรูญศักดิ์ ปานเเก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ออกมาเปิดเผยว่า ยานอกบัญชี ที่นำออกมาจากโรงพยาบาล ถูกส่งจำหน่ายในตลาดมืด

ล่าสุด ทีมข่าวเนชั่นทีวี สำรวจร้านขายยา ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่อยู่ใกล้โรงพยาบาล ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับข่าวการทุจริตยาของโรงพยาบาลทหารผ่านศึก เพื่อนำออกมาขาย ซึ่งร้านขายยา จากการลงพื้นที่สำรวจร้านขายยา ย่านศิริราช  เเขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย

โดยจากการสอบถามร้านขายยา ไม่ต่ำกว่า 10 ร้าน ต่างปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ออกสื่อ เเต่บางร้านให้ข้อมูลกับนักข่าวในเบื้องต้นว่า เรื่องวการทุจริตยา ในโรงพยาบาล ไม่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ต่อการซื้อขายยา เเละ เวชภัณฑ์ใดใด กลุ่มลูกค้าที่ซื้อยาเเตกต่างกัน เเละ คนละกลุ่มกัน

ยืนยันว่า ในย่านนี้ไม่เคยร้านใด รับซื้อยาที่นำมาขายจากประชาชนอย่างเเน่นอน เพราะมีความผิดตามประกาศสาธารณสุข เเละในย่านนี้เป็นร้านขายยาที่มีคุณภาพ ได้รับการควบคุมถูกต้องตามกฎหมาย มีเเพทย์เภสัชกรเป็นผู้จ่ายยาเท่านั้น ไม่มีใครกล้าเอาชื่อเสียงไปทำเเบบนั้น

ปชช.ชี้  สธ. อ่อนเเอ ควบคุมจ่ายยา จนเกิดทุจริตยา
 

นักข่าวได้พูดคุยกับประชาชนที่ต้องเข้ารับการรักษา เเละ ผู้ที่ต้องซื้อยาจากร้านขายยา อย่างคุณลุงอายุ 60 ปี ให้ข้อมูลว่า ปกติจะใช้สวัสดิการ 30 บาทรักษาทุกโรค ไปรักษาเเต่ละครั้งก็จะจ่ายยาให้ 2 เดือน มีนัดทุกๆ 2 เดือน เเต่ส่วนใหญ่ยาที่ได้มา เป็นยาทั่วไป ก็ใช้จนหมด ไม่เคยนำไปขาย หรือ ให้คนอื่นๆ รู้สึกเสียดายที่มีการจัดการไม่เด็ดขาดของระบบสาธารณสุข หากประชาชนได้รับยาดีดี จะเป็นประโยชน์กับประชาชน เเต่การเข้ารับการรักษาในปัจจุบันเเต่ได้เเค่ยาพื้นฐาน พารา ยาเเก้ปวด เเต่ยาดีๆ ถูกข้าราชการที่ทุจริต นำเงินภาษีของประชาชนไปเข้ากระเป๋าตัวเอง

ชาวบ้าน ชี้ ข้าราชโกงกิน พบเป็นเรื่องปกติ
 

ขณะที่ประชาชนอีกรายให้ข้อมูลว่า ในย่านนี้ ไม่มีการนำยาขายให้กับร้านขายยาอย่างเเน่นอน เเละ ยังมีจุดคืนยา สำหรับผู้ป่วยที่ได้ยาไปจำนวนมาก เเล้วใช้ไม่หมด ก็จะนำมาคืนบริเวณจุดรับคืนยา ที่จัดเตรียมไวัให้ สำหรับตัวเธอเอง ก็เข้ารักษาตามโรงพยาบาล เเต่ส่วนใหญ่ก็จะได้ยาตามอาการ ส่วนยานอกบัญชี หากหมอสั่งยาให้ ก็จะต้องจ่ายเงินเอง มองว่า หากยาดีดี ประชาชนชนสามารถเข้าถึงได้ จะเกิดประโยชน์กับประชาชน มองว่าการทุจริต มันเกิดขึ้น ข้าราชการที่โกงกินมันก็เกิดขึ้นอยู่เป็นปกติอยู่เเล้ว
 

พยาบาล ชี้ ขบวนทุจริต เลือกเเต่ยาราคาเเพง
 

นักข่าวยังได้มีโอกาส พูดคุยกับบุคคลากรทางการเเพทย์ คุณพยาบาลท่านหนึ่ง จึงสอบถามเกี่ยวกับข่าวการทุจริตยาของโรงพยาบาลที่เกิดขึ้นว่า  พอจะทราบหรือไม่ว่า ท้ายที่สุดเเล้วยาจะไปอยู่ที่ไหน

พยาบาลรายนี้ให้ข้อมูลว่า หัวขบวน ผู้ที่ร่วมกันทุจริต เขาคงมีปลายทาง เเละ คงมีเพื่อนฝูงในวงการค้ายา มิเช่นนั้นคงไม่ทำเข่นนี้ เขาต้องมีช่องทางที่จะได้เงินลงทุนจ่ายให้ลูกทีมกลับคืน

จากการดูพฤติกรรม ขบวนการนี้ ก็อาศัยช่องโหว่โรงพยาบาล เเละ จริงๆ เภสัชกรณ์จะต้องรู้ว่า การจ่ายยามันมีความผิดปกติ  มองว่าคนจ่ายยาก็จะต้องมีส่วนรู้เห็นด้วย ที่จะต้องดูประวัติการเบิกรับยาของคนไข้ หากพบความผิดปกติ ก็จะต้องย้อนกลับไปถามเเพทย์ถึงเหตุผลในการจ่ายยา ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นมันเกิดจากช่องโหว่ของเเต่ละโรงพยาบาล โดยเฉพาะการใช้สิทธิ์กรมบัญชีกลาง จะต้องรู้ประวัติคนรับยาของคนไข้อยู่เเล้ว

สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้น ที่เป็นเงินภาษีของประชาชน ที่มีมูลค่าความเสียหาย 1,600 ล้าน เพราะขบวนการนี้ทำกันมานานเป็น 10 ปี เป็นกลุ่มคนเดิมๆ เเละ มีการเฉพาะเจาะจง กลุ่มโรค เลือกยาชนิดที่มีราคาเเพง เเต่โรงพยาบาลรัฐปัจจุบันระบบจะถูกล็อคไว้ ยาบางชนิด ยาที่เป็นกลุ่มเดียวกัน ก็จะไม่จ่าย เเละ ปัจจุบันโรงพยาบาลของรัฐ จะจ่ายเป็นยาชื่อสามัญ ไม่ได้จ่ายเป็นชื่อการค้าของยา

สำหรับประเด็นเรื่องของระบบสาธารณสุข เวลานี้ ที่น่าสนใจ ควรจะไปทำเรื่อง ระบบประกัน สุขภาพ 30 บาท ว่าตอนนี้ทำไป สปสช. ไม่จ่ายเงิน ให้กับโรงพยาบาล ถูกตัดงบเกือบหมดเเล้ว เหลือเพียงเเค่10% เกิดขึ้นทั้งประเทศ โรงพยาบาลจะล้มละลายกันหมดเเล้ว ปฏิเสธ 30 บาทกันหมดเเล้ว ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศ