แจ้งความ สางปม ทลายขบวนการ "ทุจริตยา โรงพยาบาลทหารผ่านศึก"

จากกรณีปม "ทุจริตยา โรงพยาบาลทหารผ่านศึก" ว่ามีมูล 1 ในทีมสารภาพแล้วว่าทำกันเป็นขบวนการ มีทั้งหมด 6 ทีม จัดมาจากลพบุรี ร่วมกับพยาบาลเกษียณ และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่ทำงานอยู่ รวมถึงแพทย์ และพยาบาลในโรงพยาบาลด้วย

3 มีนาคม 2568 พลเอก เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผอ.องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อม แพทย์หญิง จิตติมา ปรีชา ผอ.โรงพยาบาลทหารผ่านศึก เดินทางเข้าแจ้งความเอาผิดบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลทหารผ่านศึก และบุคคลที่เกี่ยวข้องในเรื่องทุจริตรับยา โดยยื่นเรื่องให้กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. โดยมี เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.และป.ป.ท. เข้ารับฟังปัญหาที่เกิดขึ้นด้วย

พลเอก เดชนิธิศ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบความผิดปกติจากการทุจริตรับยา ว่ามีขบวนการนำพาบุคคลขึ้นรถมาจากจังหวัดลพบุรี และจังหวัดอื่น ๆ  เข้ามารับยาที่โรงพยาบาลมาแล้วหลายปี พบว่าในขบวนการมีผู้เกี่ยวข้องหลายคน

ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้น ทางโรงพยาบาลทหารผ่านศึกได้ประชุมหาแนวทางป้องกันการจ่ายยาให้กับผู้ป่วย เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างให้กับขบวนการทุจริตรับยา ส่วนเจ้าหน้าที่ที่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ก่อนหน้านี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการและสั่งย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ ในส่วนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลแล้ว

นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เปิดเผยว่า ทางสำนักงาน ป.ป.ท. ได้รับเรื่องเข้ามาตรวจสอบพร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกองบังคับการ ปปป. และ ป.ป.ช. แล้ว จากข้อมูลเบื้องต้นพบผู้กระทำความผิดในขบวนการ หลายร้อยคน และพบว่ามีข้าราชการะดับสูง และบุคคลทั่วไป ไม่ต่ำกว่า 20 คน อยู่ในหัวขบวนการ ซึ่งต้องขอระยะเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริง ยืนยันจะเอาผิดทั้งกระบวนการ

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสิบสวนกลาง ยืนยันว่าจะสืบสวนเรื่องทั้งหมด หาจับผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย ซึ่งเข้าข่ายความผิดในข้อหาเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องที่เป็นบุคคลธรรมดาหรือบุคคลอื่น ๆ ยังต้องตรวจสอบรายละเอียดของพฤติกรรมอีกครั้งว่าจะเข้าข่ายความผิดใดบ้าง 

สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะนายกสภาทหารผ่านศึก สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สืบสวนหาข้อเท็จจริง ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทุกคน

จากข้อมูลที่ได้รับรายงานก่อนหน้านี่ เกี่ยวกับเรื่องการทุตริตดังกล่าว พบว่ามีบุคคลากรทางการแพทย์ ระดับแพทย์อาวุโส มีพฤติกรรมนำยาที่สั่งจ่ายให้ผู้ป่วยไปขายต่อ โดยทำเป็นขบวนการมีผู้ประสานงานติดต่อรวบรวมข้าราชการที่มีสิทธิเบิกตรงเข้ามารักษาพยาบาลเพื่อเบิกจ่ายยา และแลกกับค่าตอบแทน ถึงขั้นให้คำแนะนำผู้ป่วยให้ทานอาหารที่มีผลต่อการตรวจร่างกาย หรือแกล้งทำให้ป่วยตบตาแพทย์ เพื่อขอเบิกจ่ายยา ให้ได้มาซึ่งยาที่ต้องการ ก่อนนำไปเก็บไว้ที่ห้องพักคอนโดมีเนียม และร้านซักรีด