
1 มีนาคม 2568 ที่ ด่านพรมแดนคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ตั้งแต่ 10.00น. ทางการกัมพูชา ได้นำตัว 119 คนไทยในปอยเปต ส่งมอบให้กับทางการไทย เพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดกรองของไทย ตามกลไกส่งต่อระดับชาติ หรือ NRM หลังจากที่ทางการกัมพูชา ได้เข้าควบคุมตัวขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งฐานอยู่ในปอยเปตได้หลายร้อยคน
โดยขั้นตอนการส่งตัว ทางการกัมพูชา ได้นำ 119 คนไทย แบ่งเป็นผู้ชาย 61 คน ผู้หญิง 58 คน ขึ้นรถบัส จำนวน 2คัน มาถึงที่ด่านพรมแดน และเมื่อมาถึงที่ด่าน ทุกคนจะเข้าสู่การตรวจคนเข้าเมืองผ่านระบบไบโอเมทริกซ์ ซึ่งในจำนวน 119 คน พบว่า มีบุคคลที่มีหมายจับในการกระทำความผิดการหลอกลวงออนไลน์ ทั้งหมด 7คน รวม 46 กรณี
และเมื่อทำการตรวจสอบตามขั้นตอนคนเข้าเมืองเสร็จสิ้น จะแยกบุคคลที่มีหมายจับ 7คน ขึ้นรถ เพื่อไปเข้าสู่การแจ้งข้อกล่าวหา ที่ สภ.คลองลึก และส่งตัวดำเนินคดีตามหมายจับ
ส่วนที่เหลือ อีก 112 คน เจ้าหน้าที่ได้นำตัวขึ้นรถทหารของกองกำลังบูรพา หน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ เพื่อไปยังศูนย์คัดกรองตามกลไกการส่งต่อระดับชาติ จ.สระแก้ว ภายในสโมสรค่ายสุรสิงหนาท และเข้าสู่กระบวนการ เก็บโทรศัพท์ ตรวจร่างกายและสภาพจิตใจ จากนั้นจะตรวจสอบเอกสารเพิ่มเติม ก่อนจะแบ่งเข้าไปที่ห้องคัดกรอง ห้องละ 15 คน เพื่อให้ตำรวจ , เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน และเจ้าหน้าที่ของ พม. เข้าสู่การคัดกรองตามขั้นตอนว่าเหยื่อแต่ละคน “เป็นเหยื่อจริง” หรือ "เป็นผู้ต้องหา"
ทั้งนี้ มีรายงานจาก ตำรวจกัมพูชา ที่เปิดเผยข้อมูลผลการสอบสวน 119 คนไทย ออกมา ระบุว่า คนไทย 119 คนมีความเกี่ยวข้องกับขบวนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และทั้งหมดยืนยันว่า ได้เดินทางเข้ามาในกัมพูชาโดยผิดกฎหมาย เพื่อไปทำงานออนไลน์ผิดกฎหมาย เนื่องจากรายได้สูง และพวกเขาเต็มใจทำงาน ไม่มีการบังคับใช้แรงงาน ไม่มีการกักขังหน่วยเหนี่ยว ไม่มีการทำร้ายร่างกาย รวมถึง 119 คนไทย ไม่มีการแจ้งขอความช่วยเหลือจากทางการไทยและกัมพูชา ดังนั้นทางการกัมพูชาจึงได้เนรเทศ 119 คนไทยออกนอกประเทศ ส่งให้กับทางการไทย
พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร. บอกว่า วันนี้รับตัวคนไทยทั้งหมด 119 คน เป็นเยาวชน 4 คน ผู้ใหญ่ 115 คน หลังจากนี้ทั้งหมดจะเข้าสู่กระบวนการคัดกรองคัดแยก และเบื้องต้นพบว่า ส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับคดีออนไลน์ที่รับแจ้งความไว้ โดยหมายจับ 7คน มีทั้งหมด 15 หมาย ซึ่งมีหลายคดี รวมถึงยังมีคดียาเสพติดด้วย และวันนี้ เมื่อเข้าสู่กระบวนการคัดกรองคัดแยกแล้วพบว่าไม่ใช่เหยื่อ จะขอศาลออกหมายจับในความผิดฐาน "ก่ออาชญกรรมข้ามชาติ"
ทั้งนี้ทางการกัมพูชาออกหนังสือ ระบุว่า ทั้ง 119 คน เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์ ไม่ได้ถูกบังคับขู่เข็ญ ไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกายและสมัครใจทำงาน ดังนั้นจึงต้องส่งให้ไทยดำเนินคดีตามกฎหมาย และประเทศไทยมีพยานหลักฐานส่วนหนึ่งแล้ว แต่ถ้ามีผลสอบของทางการกัมพูชามาก็ง่ายขึ้น แต่ทางการกัมพูชายังไม่ได้ส่งมาให้
ส่วนการคัดกรองอาจจะใช้เวลานิดหนึ่ง แต่ถ้ามีความชัดเจนบ่งชี้ว่าเป็นผู้กระทำความผิดคงก็คงใช้เวลาไม่นาน และทางการไทย จะพิสูจน์ทราบให้ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้พยานหลักฐานที่มียังตอบไม่ได้ว่า เป็นผู้ร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์กี่คน แต่ยืนยันว่า
“ใน 119 คน หากพบว่าเป็นแก๊งคอลโดยตรง จะดำเนินคดีทุกข้อหา โดยเฉพาะในข้อหาที่หนักสุด เป็นกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ ข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร และร่วมกันฉ้อโกง เพราะต้องการให้เป็นตัวอย่าง เนื่องจากเป็นคนไทยที่ไปร่วมกับต่างชาติแล้วมาหลอกคนไทยด้วยกัน ดังนั้นเมื่อกลับมาประเทศไทย แล้วจะมาบอกเป็นเหยื่อ จะต้องไม่ให้มีแบบนี้เกิดขึ้น”
ส่วนกังวลหรือไม่ว่าจะมีการเตรียมคำตอบมาอ้างว่าเป็นเหยื่อนั้น พล.ต.อ.ธัชชัย ระบุว่า ไม่กังวล และมั่นใจว่าเขาคงเตรียมตัวมา เพราะพวกนี้เป็นสแกมเมอร์ และเป็นพวกที่หลอกคนไทย การพูดจาคงไม่ให้ตรงกับความเป็นจริง ตามที่ทางการไทยต้องการ แต่เราจะใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ในการดำเนินการ และเชื่อว่าหลังจากนี้จะมีล็อตใหญ่เพิ่มเติมอีกแน่นอน