svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

“โรม” ลุยแม่สอด แฉยังมีการส่งสินค้าเอื้อแก๊งคอลเมียวดี

กมธ.มั่นคงฯ ลุยแม่สอด ตรวจท่าข้ามเอกชนรายใหญ่ แฉยังมีเนื้อร้ายที่ส่งสินค้าให้เอื้อแก๊งคอลฯ เมียวดี ด้านผู้ประกอบการขอรัฐแก้เป็นจุดๆ อย่าเหมารวม

17 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก คณะกรรมาธิการ ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทยฯ นำโดย นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน ในฐานะประธาน กมธ. ลงพื้นที่ตรวจสอบท่าข้ามสินค้าหมายเลข 34 (ท่าศาลเจ้า) บจก.ห้าแยกกรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นท่าข้ามเอกชนขนาดใหญ่ลำดับต้นๆ ของแม่สอด เพื่อตรวจสอบการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ความมั่นคง และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามแนวชายแดน เป็นวันที่ 2

นายรังสิมันต์ ระบุว่า ท่าขนส่งแห่งนี้จัดเป็นท่าที่มีขนาดใหญ่ ห่างจากชเวโก๊กโก่ จังหวัดเมียวดี ประมาณ 5 กิโลเมตร มีแพยนต์สำหรับลำเลียงรถบรรทุก ตู้คอนเทนเนอร์ และท่อส่งน้ำมันไปประเทศเมียนมา ที่ผ่านมาท่าข้ามธรรมชาติเหล่านี้ ถูกวิจารณ์ว่าเป็นท่าที่อำนวยความสะดวกให้กลุ่มธุรกิจแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ตนจึงตั้งใจที่จะรวบรวมข้อมูล ช่องว่าง ข้อมูลเชิงลึก จากคนในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด เพื่อหาทางออกว่า ท่าข้ามธรรมชาติต้องปิดทำการ เหมือนการตัดไฟฟ้า น้ำมัน หรือไม่ และหากท่าข้ามเหล่านี้เปิดต่อ จะต้องมีแบบแผนอย่างไร ไม่ให้เอื้อกลุ่มธุรกิจคอลเซ็นเตอร์โดยตรง
นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า จากการหารือเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจท่าข้ามธรรมชาติ 59 ท่าในแม่สอด เรื่องของการปิดท่าข้ามนั้น ข้อเสนอของ กมธ. มองว่าเป็นหน้าที่ของศุลกากร แต่ต้องดูในรายละเอียด เพราะไม่อยากให้เหมารวมว่า ทุกท่าจะต้องถูกสั่งปิด
 

ต้องหาให้เจอว่ามีเนื้อร้ายหรือไม่ในเรื่องนี้ ส่วนระยะยาวท่าข้ามจะคงไว้หรือไม่นั้น ก็ต้องดูข้อมูลกัน คณะทำงานต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ทำให้ท่าข้ามธรรมชาติมั่นคงปลอดภัย ไม่ลักลอบขนของผิดกฎหมาย โดยเฉพาะยาเสพติด ดังนั้นจึงต้องมาช่วยกันกับผู้ประกอบการ


นายรังสิมันต์ ยอมรับว่า ฝ่ายความมั่นคง มีข้อมูลท่าข้ามที่ถูกจับตามองจำนวนหนึ่ง แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ เพราะมีของบางอย่างอาจจะไม่ได้ผิดกฎหมายในไทย แต่ถูกนำไปใช้เพื่อเอื้อประโยชน์กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้เติบโต อาทิ โซลาร์เซลล์ สตาร์ลิ้งค์ หรือปูนซีเมนต์ ดังนั้น กมธ.ก็ยังต้องการหารือตามแนวชายแดนต่อไป เพื่อให้ได้ข้อมูลว่าจะทำอย่างไรให้ท่าข้ามเหล่านี้ ทำการค้าขายโดยไม่ต้องเอื้อต่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์
“โรม” ลุยแม่สอด แฉยังมีการส่งสินค้าเอื้อแก๊งคอลเมียวดี

ผู้ประกอบยันไม่ได้เอื้อแก๊งคอล อย่าทำเสียโอกาสการค้ากับจีนที่ถูกต้อง
 

ด้าน นายอุดม สุขสด กรรมการผู้จัดการบริษัท ห้าแยกกรุ๊ป จำกัด ผู้ประกอบการท่าข้ามศาลเจ้าที่ 34 บอกว่า สินค้าที่ส่งข้ามแดนจากฝั่งไทยไปฝั่งเมียนมา 95% เป็นสินค้าที่มาจากประเทศจีน บรรจุในตู้คอนเทรนเนอร์ ส่วนสินค้าปูนซีเมนต์กับเหล็กเส้นคิดเป็นมูลค่า 1% ของการค้าขาย เพราะกลุ่มทุนจีนที่ทำถูกกฎหมาย ไม่ได้ซื้อสินค้ามาจากไทยเลย ไม่ว่าจะเป็นน้ำดื่ม หรือกระเบื้อง แต่อาจจะมีบริษัทนักลงทุนจีนบางบริษัทที่สั่งซื้อสินค้า กระเบื้อง จากเรา เพื่อไปทำอาคาร 5 หลัง 10 หลัง แต่ตนไม่ทราบว่า ตรงไหนจะเอาไปใช้ในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะหน้าที่ของตนคือทำธุรกิจ เสียภาษีให้ประเทศชาติอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ดังนั้น รัฐบาลควรมาดูตามท่าต่างๆ เพราะทุกวันนี้สินค้าที่มาจากจีน บรรจุในตู้คอนเทรนเนอร์ ผ่านแดนไปเท่าไร แล้วรัฐบาลควรต้องมีมาตรการอะไรบ้างมาดูแล เพื่อให้ผู้ประกอบการภายในประเทศอยู่ได้ จึงอยากเรียกร้องเท่านี้
 

“ส่วนใหญ่สินค้าวัสดุก่อสร้าง ที่ส่งไปเมืองชเวก๊กโก ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเป็นกระเหรี่ยง เนื่องจากจีนอาจจะเช่าพื้นที่กระเหรี่ยง มาซื้อวัสดุก่อสร้าง ทำโรงแรม ทำที่พักคนงาน และส่วนใหญ่ที่มาติดต่อซื้อจะเป็นนายหน้าคนเมียนมา ก็มาซื้อขายและนัดหมายจุดส่งของ ส่วนลูกค้าชาวจีนก็จะเป็นบริษัทใน กทม. ที่มาทำงานก่อสร้างที่เมียวดี ซึ่งเป็นบริษัทที่ถูกต้อง แต่อยู่ผิดที่”


ส่วนธุรกิจสีเทาในเมืองชเวก๊กโกนั้น ผู้ประกอบการท่าข้ามฯ ระบุว่า หากได้เข้าไปดูจริงๆ จะพบว่า มีเพียง 1-2% ที่พวกธุรกิจสีเทาแฝงตามอาคารตึกต่างๆ ไม่ใช่ทั้งหมดของเมือง หากรัฐบาลไทยจะแก้ปัญหา ควรเช็กสัญญาณอินเตอร์เน็ตและไฟฟ้าแต่ละจุด จุดไหนมีการใช้ปริมาณมากให้ตัดเป็นจุดๆ แต่ไม่ใช่ตัดทั้งหมด
 

อยากให้รัฐบาลไทยผูกสัมพันธ์  ขอความร่วมมือกับฝั่งนู้น รัฐบาลไทยไม่ควรบีบเค้นมากไป ให้เขาได้ทำธุรกิจอื่นเป็นคู่ขนานแม่น้ำเมยไป เพราะจะเปรียบเสมือนโคลนในมือ บีบมากก็เล็ดลอดออกจากมือ


“โรม” ลุยแม่สอด แฉยังมีการส่งสินค้าเอื้อแก๊งคอลเมียวดี
 

“โรม” มอง “หลิว จงอี” มาแม่สอด ข้ามไปเมียวดี ทำเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศตัวเอง”
 

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึงเดินทางมาของ นายหลิวจงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า จีนต้องทำเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศตัวเอง แต่ตนเชื่อว่าประเทศไทยมีศักยภาพ ที่จะร่วมมือป้องกันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จากนี้อยากให้หลายประเทศที่เข้ามามีส่วนร่วมร่วมแบ่งปันข้อมูล แต่ไทยสามารถเป็นแนวหลัก และไม่ใช่มุ่งแค่ที่จังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา แต่รวมถึง เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชาด้วย ตนไม่อยากสรุปว่า รัฐบาลไม่จริงจังกับการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่สมควรอย่างยิ่งที่ต้องยกให้เรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ
นายหลิวจงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (เสื้อดำ)
 

จี้ "ทวี" เร่งออกหมายจับ "หม่องชิตตู่" เรียกความน่าเชื่อถือกระบวนการยุติธรรมไทย
 

พร้อมทั้งฝากไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมด้วยว่า หมายจับ “หม่องชิตตู่” ถึงไหนแล้ว เพราะถ้าเรื่องนี้ไม่ออกหมายจับจะทำลายระบบความน่าเชื่อถือของความยุติธรรมไทย ที่ภายนอกมองเข้ามาแน่นอน ดังนั้นจึงย้ำว่า การออกหมายจับเป็นการรักษาความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมของไทย
หม่องชิตตู่