“TBC ไทย-เมียนมา” ไทยยืนยันรับเหยื่อแก๊งคอลกลับไหววันละ 500 คน

15 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ห้องประชุม กองบังคับการหน่วยราชมนู กองกำลังนเรศวร มีการประชุม เพื่อหารือแนวทาง การให้ความช่วยเหลือบุคคลต่างชาติ ที่ถูกหลอกลวง จากขบวนการค้ามนุษย์ และต้องการเดินทางกลับประเทศของตนเอง ซึ่งเป็นการหารือกันระหว่างคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทยเมียนมา (TBC )โดยทางการไทย นำโดย พลตรี ไมตรี ชูปรีชา ผบ.กกล.นเรศวร , พ.อ.ณรงค์ชัย เจริญชัย รอง ผบ.กกล.นเรศวร , พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผบ.ฉก.ราชมนู

ขณะที่ ฝ่ายเมียนมา นำโดย พันโท ซอซันอู ผบ.พัน.ร.275 ประธานกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นเมียนมา - ไทย (อ.เมียวดี จ.เมียวดี) , นาย ตานหน่าย Mr.U tan nai นายอำเภอเมียวดี , ร้อยตำรวจเอก ตื่นอ่องวิน Au tin aong win ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเมียวดี และนาย อ่องหน่ายอู Au aongnaiu หัวหน้าตำรวจเมียวดี


 

ซึ่งในการประชุม มีประเด็นในการช่วยเหลือ จำนวน 3 ขั้นตอนคือ การเตรียมรายชื่อ และข้อมูลของผู้เสียหายโดยมีรายละเอียด การจัดลำดับความสำคัญของการส่งตัว

โดยให้ความสำคัญกับ ประเทศที่มีศักยภาพในการรับกลับ ให้อยู่ใน อันดับแรก  สำหรับบางประเทศที่ สถานทูตหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่พร้อมรับกลับ ขอให้จัดลำดับการส่งตัวไว้ในลำดับถัดไป /พื้นที่และกระบวนการรับ-ส่งตัวบุคคล โดยจะขอให้ใช้พื้นที่ สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 เป็นจุดรับ-ส่งบุคคลที่ต้องการ เดินทางกลับ ทั้งนี้ ฝ่ายไทยสามารถรับผู้เสียหายได้ ประมาณ 500 คนต่อวัน

 

พลตรีไมตรี ชูปรีชา ผบ.กกล.นเรศวร บอกภายหลังการประชุม ว่า วันนี้เป็นโอกาสที่ดีที่เริ่มพูดคุยอย่างเป็นทางการกับ TBC สืบเนื่องจากนโยบายรัฐบาลที่มีการกดดัน ไฟฟ้า น้ำมัน สัญญานโทรคมนาคม และฝั่งของเมียนมา ได้มีความร่วมมือจนเกิดภาพสิ่งที่ต้องการ จนมีการประสานงาน ซึ่งผลการประชุมวันนี้เป็นสิ่งที่เกื้อกูลต่อการปฏิบัติในอนาคต ในการช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ โดยทำบนพื้นฐานหลักการสำคัญในการปฏิบัติอย่างเป็นทางกา รโดยผ่านคณะกรรมการ TBC ภายใต้การอำนวยการโดยศูนย์สั่งการจังหวัด

และหลักการที่สำคัญคือ กระบวนการส่งต่อระดับชาติหรือ NRM รวมถึงจะต้องทำภายใต้สถานการณ์ที่ควบคุมได้ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยหลังจากนี้ขอให้รอรายละเอียดการพูดคุยให้ชัดเจนอีกครั้ง

 

การที่ TBC เข้ามาเพราะเห็นตรงกับไทยถึงภัยคุกคาม และเสนอเรื่องความพร้อมในการให้ความร่วมมือกับฝ่ายไทยในทุก ๆ เรื่อง ซึ่งทุกคนเห็นตรงกันว่า อยากจะให้จบโดยเร็ว ทั้งนี้การดำเนินการแต่ละรอบ แต่ละกลุ่ม จะต้องพิจารณายอด ประเทศ ให้ตรงกับความพร้อมของฝ่ายไทยที่จะมารับด้วย
 

ส่วนกรณีที่ TBC ของเมียนมา ได้รวบรวมข้อมูลของแต่ละกองกำลังมาอย่างไรบ้าง และตัวเลข 7,000 เป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนนั้น พลตรีไมตรี ระบุว่า ตัวเลข 7,000 คน เป็นไปได้แต่การดำเนินการต้องดูรายละเอียดของแต่ละประเทศ รวมถึงโรคภัยไข้เจ็บ จะต้องคัดกรองอย่างละเอียดก่อน

ส่วนวันเวลา จะต้องรอกลับไปลงรายละเอียดก่อน และรอความพร้อมของฝั่งเมียนมา ในการคัดกรองและคัดเลือกบุคคลที่มีความพร้อมมาก่อน โดยทางเมียนมาจะเริ่มคัดกรองคนตั้งแต่วันนี้ ซึ่งความพร้อมของฝ่ายไทย รับได้ประมาณวันละ 500 คน แต่เป็นตัวเลขไม่ตายตัว ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละฝ่าย และคาดว่าจะเริ่มได้หลังการประชุมวันที่ 17 ก.พ.


ส่วนมีกำลังพลและสถานที่เพียงพอหรือไม่นั้น ยืนยันว่า มีความพร้อมเพียงพอ และน่าจะเป็นฟังก์ชั่นของแต่ละบุคคลที่เกี่ยวข้อง ถ้าฟังก์ขั่นไหนต้องการกำลังพล ก็จะมาร่วมดำเนินการภายใต้ศูนย์สั่งการของชายแดนจังหวัด

ส่วนเรื่องผลกระทบของเมียนมา ก็มีการแจ้งตามที่ปรากฏข่าวสาร แต่เมียนมาสื่อออกมาในเรื่องของการเร่งรัดให้ปราบปราม มาตรการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เริ่มจากการส่งผู้แทนระดับรัฐบาล และสั่ง TBC ให้เข้ามาคุยกับไทย

ส่วนกระบวนการของ ตม.ก็จะบูรณาการร่วมกันทั้งไทยและเมียนมา อยู่ระหว่างการหารือขั้นตอนกัน จึงจะได้ความชัดเจน และบางส่วนมีกลุ่มแบล็กลิสอยู่แล้ว ส่วน BGF ที่มีคนพร้อมส่งพันกว่าคนนั้น ก็ต้องรอขั้นตอนกระบวนการของไทยเช่นกัน