22 มกราคม 2568 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี นำตัวนายเสรี อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาในคดีขับรถเก๋งชนนายฤทธิศักดิ์ ไรเดอร์ส่งอาหารเสียชีวิต เมื่อวันที่ 21 ม.ค. ที่ผ่านมา มายื่นคำร้องฝากขังครั้งเเรกเป็นเวลา 12 วัน โดย คำร้องสรุปพฤติการณ์แห่งคดี คือ ก่อนเกิดเหตุ นายเสรี ได้ขับขี่รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส สีบรอนซ์ทอง และเกิดมีปัญหาทะเลาะวิวาทกันกับนายฤทธิศักดิ์ ผู้ตาย ซึ่งเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อ ฮอนด้า จากบริเวณแยกอโศก ถนนสุขุมวิทฝั่งขาเข้า จนทั้งคู่ขับขี่มาจอดบริเวณช่องทางที่ 3 (จากขอบทางด้านซ้าย) ถนนสุขุมวิท ฝั่งขาเข้า ใกล้กับปากซอยสุขุมวิท 10
โดยทั้งสองฝ่ายได้มีปากเสียงกัน หลังจากนั้น นายฤทธิศักดิ์ ผู้ตาย ได้ขับขี่จักรยานยนต์ออกมาจากที่บริเวณดังกล่าว โดยมีผู้ถูกจับกุมขับขี่ตามกันมาในช่องทางที่ 3 (จากขอบทาง ด้านซ้าย) เมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ผู้ตายได้เปลี่ยนช่องทางเดินรถเข้ามายังช่องทางเดินรถทางซ้าย ผู้ถูกจับกุมได้เปลี่ยนช่องทางเข้ามาเพื่อไล่เฉี่ยวชน จนเฉี่ยวชนรถจักรยายนต์ของผู้ตายเสียหลักล้มลง และผู้ถูกจับกุมขับขี่รถยนต์คันที่เกิดเหตุหลบหนีมุ่งหน้าแยกนานา ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจาก ร.ต.อ.นริศ โปร่งแสง รอง สว.จร.สน.ลุมพินี ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณดังกล่าว จนทราบถึงตำหนรูปพรรณรถยนต์คันที่ถูกจับกุมใช้ก่อเหตุ
และ ได้แจ้งให้ ร.ต.ท.นันทธวัฒน์ นุริตานนท์ รอง สว.จร.สน.ลุมพินี และ ด.ต.วรพล เสมาฉิม ผบ.หมู่(จร.) สน.ลุมพินี ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมสัญญาณไฟในแยกนานา ได้สังเกตและตรวจสอบพบรถคันดังกล่าวที่มาถึงแยกนานา จึงได้เรียกให้หยุดรถ และขอตรวจสอบผู้ขับขี่ ทราบชื่อผู้ขับขี่คือ นายเสรี ตรวจสอบในรถยนต์ไม่พบ ผู้อื่นโดยสารอยู่อีก และไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายอื่นๆ จึงได้ทำการควบคุมตัวไว้สอบถามผู้ถูกจับกุมให้การยอมรับว่า เป็นผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวและเฉี่ยวชนผู้ตายตามวัน เวลา ที่เกิดเหตุจริง
จากนั้น ร.ต.อ.แมนมิตร โม่งแสวง รองสว.จร.สนลุมพินี จึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบร่างนายฤทธิศักดิ์ จึงได้แจ้งประสานกู้ชีพให้มายังที่เกิดเหตุ โดยต่อมาทราบว่า ผู้ตายถึงแก่ความตายในบริเวณที่เกิดเหตุ จากการสอบถามพยานผู้พบเห็นเหตุการณ์จนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหาและ ผู้ตายได้มีปากเสียงกันบริเวณปากซอยสุขุมวิท 10 ถนนสุขุมวิทขาเข้า และมีการขับขี่รถไล่ตามกันมาจนถึงที่เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น พฤติการณ์ดังกล่าวมิใช่เหตุขับรถเฉี่ยวชนกันตามปกติ
โดยจากพฤติการณ์เห็นได้ว่า ผู้ถูกจับกุมมีเจตนาขับขี่รถไล่เฉี่ยวชนผู้ตายจนถึงแก่ความตาย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า "ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา" จากนั้นได้ทำการตรวจยึดรถยนต์ของผู้ถูกจับกุมไว้เป็นของกลาง และนำตัวผู้ถูกจับกุมพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
แต่จากพฤติการณ์ดังกล่าวข้างต้น ขณะเกิดเหตุนั้น ผู้ต้องหาได้ขับรถไล่ตามนายฤทธิศักดิ์ ในลักษณะที่ใช้ความเร็วสูง ในลักษณะไม่คำนึงถึงความปลอดภัย หรือความเดือดร้อนของบุคคลอื่น ซึ่งระหว่างนั้นมีประชาชนทั้งไปใช้รถใช้ถนนสัญจรไปมาเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการกระทำดังกล่าวอาจเกิดอันตรายแก่ผู้อื่น พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาเพิ่มเติมให้ผู้ต้องหาทราบว่า "ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น"
การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐาน "ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา" และ ขับรถโดยไม่คำนึ่งถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น" ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 มีอัตราโทษ ประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี, พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ ) พ.ศ.2565 มาตรา 43 (8) อัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ห้าพันถึงสองหมื่นบาท
ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การ "ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา" โดยพนักงานสอบสวนและญาติของผู้ตายคัดค้านการขอปล่อยชั่วคราวเนื่องจากอัตราโทษสูง เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี
ขณะที่ นางสาวสายใจ ภรรยาของผู้เสียชีวิต เปิดเผยภายหลังทราบข่าวศาลอนุญาตให้ประกันตัวนายเสรี ผู้ก่อเหตุ ว่า
“ถ้าเป็นที่ศาลพิจารณาออกมาแล้ว เราก็แย้งอะไรไม่ได้ ขนาดเรายื่นค้านประกันไปแล้ว เราจะไปสู้อะไรได้” ยอมรับว่า ตัวเองมีความกังวลใจแน่นอน เพราะแค่นี้ก็รู้แล้วว่าคนมีเงินมันยิ่งใหญ่อยู่แล้ว เธอก็กลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมและกลัวว่าคดีมันจะเปลี่ยนไปหมด เขาได้ประกันตัวออกมาแล้ว คงเดินลอยหน้าลอยตาแล้วป่านนี้
ภรรยาของผู้เสียชีวิต ยังยืนยันว่า เธอจะสู้ให้ถึงที่สุด แม้จะไม่มีทนาย ไม่มีเงิน ต้องดิ้นรน แต่เชื่อว่าถ้ามีสื่อช่วยนำเสนอข่าว ก็จะได้รับความยุติธรรม โดยเขาเองมีทุกอย่างที่จะสู้ แต่ถ้ามองเรื่องของความเป็นมนุษย์ เขาทำผิดแล้วสำนึกผิด จะมารดน้ำศพ เราก็จะปล่อยให้เขาเข้ามาได้ แต่ในใจเธอไม่ขออโหสิกรรมให้
เบื้องต้นมีเพียงพ่อเขาที่ประสานเข้ามาช่วยเหลือ ตัวคู่กรณีมีโอกาสเจอเมื่อเช้าที่ สน. ลุมพินี ซึ่งก็ไม่ได้พูดอะไร ซึ่งเธอมองว่าเจ้าตัวควรรับผิดชอบเอง ไม่ใช่ให้พ่อมารับผิดชอบแทน / ส่วนถ้าคู่กรณีมา ก็จะคุยกับกลุ่มไรเดอร์ ขอความร่วมมือไม่อยากให้มีเรื่องความรุนแรงเกิดขึ้นในงาน สามีเธอก็ได้เสียไปแล้ว อยากให้เขาไปสบาย