20 มกราคม 2568 ที่สำนักงานทนายคลายทุกข์ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ในฐานะทนายความของคู่กรณี "แสตมป์" อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังจาก แสตมป์ โพสต์ข้อความขอโทษและยอมรับผิด และหารือกับ ครอบครัวของคู่กรณีแล้ว
โดย ทนายเดชา บอกว่า เมื่อเช้ามีข่าวว่าแสตมป์โพสต์เฟซบุ๊กยอมรับผิดและขอโทษ ทำให้คู่กรณีพอใจในข้อความที่โพสต์การยอมรับผิดและขอโทษและคู่กรณีก็ไม่ได้เครียดอะไร
ส่วนคดีความ หลังจากการพูดคุยกับครอบครัวและทีมที่ปรึกษา พบว่า มีทั้งหมด 4 คดี คือ คดีหมิ่นประมาท ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี แสตมป์ เป็นโจทก์ฟ้อง ศาลแขวงดุสิต คดีหมิ่นประมาท คดีศาลแพ่ง เรียกค่าเสียหาย 2ล้าน สแตมป์เป็นโจทก์ และคดีที่ศาลเยาวขนและครอบครัวกลาง ที่ภรรยาคุณสแตมป์ฟ้องร้อง
ซึ่งคดีหมิ่นประมาท ถอนฟ้อง 3 คดี ส่วนคดีศาลเยาวชนฯ ศาลทำการไกล่เกลี่ยจำยอม คดีสิ้นสุดแล้วทั้ง 4 คดี และวันนี้ไม่ได้เจอกับตัวของคุณ จ. แต่เจอทีมที่ปรึกษา
ทั้งนี้ปัจจุบัน หลังมีการแถลงขอโทษแล้วก็ ไม่ได้ติดใจจะดำเนินคดีอะไรอีก ซึ่งเหตุผลที่ไม่ติดใจ เพราะแสตมป์ได้รับผลกรรม มีทัวร์ลงไปแล้วจึงไม่อยากเป็นเรื่องเป็นราว แล้วอยากให้เรื่องมันยุติ
เพราะว่าเป็นที่พอใจจึงขอยุติเรื่องทั้งหมด เว้นแต่หลังจากนี้หากไปให้สัมภาษณ์สื่อกระทบคุณ จ.และครอบครัว ก็จะมีการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทนายเดชา เผย ส่วนเรื่องคดีหมิ่นสถาบันมาตรา 112 ซึ่งตอนนี้ เป็นข่าวถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และกองทัพบก เป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือของคู่ความแล้ว ซึ่งฝั่งของจ. ก็ได้ไปให้การกับกองทัพบกในคดี 112 หลังจากนี้จะเป็นหน้าที่ของกองทัพบกว่าจะดำเนินการอย่างไร ในการรวบรวมพยานหลักฐานสอบสวนข้อเท็จจริง
ทนายเดชา บอกว่า มีข้อความแชทตรงกับที่แสตมป์โพสต์เฟซบุ๊ก ว่ามีการพูดจาพาดพิงสถาบันแล้วตัวเขาก็ยอมรับ จึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกองทัพบก ดำเนินการ โดยหลักฐานแชทข้อความ ที่แสตมป์ คุยกับแจม พ่อมอบให้กองทัพบกแล้ว และเป็นพยานให้ปากคำแล้วเช่นกัน
ซึ่งที่มองว่าจากข้อความหมิ่นประมาท ไปจะเป็นข้อความหมิ่นสถาบันนั้น คงเพราะเป็นการพูดไปเรื่อยจนไปพาดพิงสถาบัน แต่ตนเองพูดถึงข้อความไม่ได้เพราะอาจจะติดคุก
ทนายเดชา บอกว่า จากการสอบถามทางครอบครัว ของ จ. ยืนยันว่าไม่มีการคุกคาม ไม่มีการอ้าง ม.112 ไปข่มขู่คุณแสตมป์ ว่าจะยัดคดี แต่อาจจะเป็นการแจ้งว่า การแสดงความคิดเห็น การพูด การสนทนาบางอย่าง หมิ่นเหม่ การละเมิดสถาบัน
ซึ่งไม่ได้เรียกว่าการข่มขู่ แต่เป็นการแจ้งว่าการกระทำของสแตมป์หมิ่นเหม่ใน ม.112 ซึ่งเป็นสิทธิของประชาชนทุกคนที่ต้องปกป้องสถาบัน ต้องว่าไปตามกฎหมาย เป็นคดีที่ยอมความไม่ได้ ก็เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรวบรวมหลักฐาน
ที่บอกว่า เอา ม.112 มาข่มขู่ ไม่เป็นความจริง ถ้าใครก็แล้วแต่มีพฤติกรรมในการหมิ่นเหม่สถาบัน ประชาชนทุกคนมีหน้าที่ในการปกป้องสถาบันอยู่แล้ว ไม่ควรเอาพระองค์ท่านมาเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่การข่มขู่ ซึ่งช่วงเวลาที่มีการพูดคุยข้อความหมิ่นเหม่สถาบัน เป็นช่วงที่ฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาท และคดีครอบครัวกัน
ส่วนกรณีที่กล่าวหาว่า ใช้ยศตำแหน่งข่มขู่ ก็ไม่คิดใจเอาความเช่นกันเพราะขอโทษแล้ว และหลังจากที่คดียอมความกัน ทางครอบครัวและพ่อของ จ. ก็ไม่เคยไปเจอคุณแสตมป์อีก และไม่เคยขมขู่คุกคามด้วย
ทนายเดชา ยืนยันว่า หลังจากทำการยอมความแล้ว พ่อของ จ. ก็ไม่เคยพบแสตมป์อีก ส่วนไปที่บ้านหรือไม่ตนเองไม่ทราบ และเมื่อคดีจบไปตั้งนานแล้วทำไมถึงยังไปพูดบนเวที และที่ถอนฟ้องเป็นการไปถอนฟ้องเอง ไม่ได้เกิดจากเพราะไปข่มขู่
ทนายเดชา บอกว่า ตนเองไม่ทราบ ให้ จ.เป็นคนพูดเอง แต่ในสัญญาที่ยอมความ ไม่ได้ยอมจ่ายเงินเพราะเป็นชู้ แต่เพราะถูกกดดันจึงต้องการให้เรื่องจบ ตัวจำเลยไม่ได้ยอมรับว่าเป็นชู้ แต่ยอมจ่ายเพื่อให้เรื่องจบปัญหา เพราะถูกกดดันรอบข้าง แฟนไม่สามารถหางานทำได้ เพราะถูกคู่กรณีบางคนบางท่านไปพยายามทำให้หางานทำลำบาก
ทนายเดชา มองว่า ไม่มีความผิด เพราะคนที่เอามาโพสต์เป็นแฟนคู่ความ ไม่ผิดกฎหมายเพราะถูกกล่าวหาเลยเอามาชี้แจง สามารถทำได้ เป็นการเปิดเผยกระบวนพิจารณาในศาลอย่างเปิดเผย ซึ่งได้รับการยกเว้นอยู่แล้ว เพราะเป็นผู้รับมอบอำนาจจากคู่ความ
ทนายเดชา กล่าวว่า ก็ขอให้แสตมป์อยู่นิ่งๆดีกว่า เพราะเป็นสิทธิกับครอบครัว และความสัมพันธ์ของ 2 คน เป็นเรื่องส่วนตัวการแสดงความคิดเห็นต้องระมัดระวัง