กรณี "สจ.โต้ง" นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือชื่อเดิมคือ นายเต็มพงษ์ ฤทธิ์เดช อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่ปราจีนบุรี ถูกรัวยิงร่างพรุนดับ กลางบ้านพักของ "โกทร" นายสุนทร วิลาวัลย์ อายุ 86 ปี นายก อบจ.ปราจีนบุรี แล้ว อดีต รมช.สาธารณะสุข ถนนวัดโรมันอุทิศ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี เมื่อช่วงดึกวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนตำรวจจับกุม "โกทร" พร้อมลูกน้องรวม 7 คน เข้าสอบปากคำ พร้อมแจ้งข้อหาเบื้องต้นไว้ก่อนคือ "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา" และ "ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต" ตามที่าเสนอข่าวไปนั้น
13 ธันวาคม 2567 พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เดินทางมาติดตามความคืบหน้าทางคดีรุมรัวยิง "สจ.โต้ง" ที่สภ.เมืองปราจีนบุรี โดยได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุ บริเวณบ้านของ "โกทร" นายสุนทร วิลาวัลย์ เพิ่มเติม พร้อมกับ ตำรวจภูธรภาค 2 และ ตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการปราบปราม
พล.ต.ท.อัคราเดช บอกก่อนลงพื้นที่ว่า วันนี้ได้รับคำสั่งจาก ผบ.ตร.ให้มากำกับดูแลควบคุมการปฏิบัติ และสืบสวนสอบสวนรวมรวมพยานหยักฐาน โดยมี กองบังคับกานปราบมาร่วมคณะ และจะมีการประชุมราวมกับ ตำรวจภูธรภาค 2 โดยต้องไปดูที่เกิดเหตุก่อนว่ามีสภาพอย่างไร เพื่อสั่งการที่จะต้องกำชับคดี ในการรวมรวบพยานหลักฐายประกอบสำนวน
ส่วนกรณีมีเรื่องของการบงการหรือไม่นั้น ทุกอย่างอยู่ในเรื่องของสำนวนการสอบสวน ที่วางไว้ว่าจะตรวจสอบอย่างไรบ้าง ผู้ตายเข้าที่เกิดเหตุอย่างไร จะมีการทำไทม์ไลน์เพื่อพิสูจน์ทราบ และผู้ต้องหาทั้ง 7ราย ได้มาอยู่ในที่เกิดเหตุ และพูดคุยวางแผนมาก่อนหรือไม่อย่างไร
ส่วนจะมีการวางแผนหรือไม่นั้น ต้องดูพยานหลักฐาน และมาตรวจสอบว่าการก่อเหตุครั้งนี้ มีที่มาที่ไปอย่างไร ซึ่งประเด็นเบื้องต้นที่ทราบอยู่แล้วคือ เป็นเรื่องการเมืองท้องถิ่น ซึ่งผู้ตายและกลุ่มผู้ก่อเหตุก็เป็นกลุ่มเดียวกันมาก่อน พอในระยะหลังที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามากวาดล้างและสลายกลุ่มไป กลุ่มก็แตกแยกออกกไป
ทำให้ยังมีเรื่องคาใจหลายเรื่องในการช่วยไม่ช่วยของการสนับสนุน จนมาถึงการแข่งขันการเมืองท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ และสุดท้ายจะต้องมาดูเรื่องประเด็นอื่นอีกหรือไม่ และมีใครเกี่ยวข้องอีก โดยจะประชุมกันอีกครั้ง
ส่วนประเด็นเรื่องของกล้องจรปิดในที่เกิดเหตุที่พบว่าเสีย และบ้านของผู้ก่อเหตุไม่มีภาพนั้น ไม่ว่ากล้องจะเสียหายหรือไม่เสียหาย ตำรวจก็จะส่งให้ กองพิสูจน์หลักฐานทำการตรวจสอบ แต่ไม่ได้เป็นการตัดรอนในการคันหารวมรวบพยานหลักฐาน
ซึ่งตอนนี้ ตำรวจมีพยานหลักฐานมาพอสมควรแล้ว พร้อมยืนยันว่า กล้องวงจรปิด เป็นส่วนประกอบส่วนหนึ่งของสำนวน แต่คดีหลายคดีไม่มีกล้องวงจรปิด ก็สามารถรวบรวมพยานหลักฐานสรุปสำนวนส่งฟ้องได้
ส่วนคนยิงเป็น คนในบ้าน หรือคนนอกนั้น ต้องทำการพิสูจน์ทราบ แม้ผู้ต้องหา 2 ราย จะรับสารภาพว่าเป็นผู้ยิง ก็ต้องมาพิสูจน์ทราบว่าใครเป็นผู้กระทำผิดที่แท้จริง หรือมีคนอื่นร่วมอยู่ด้วยหรือไม่ และตามขั้นตอนของตำรวจ ขณะนี้ได้เก็บพยานหลักฐาน เขม่าดินปืนร่องรอยทุกคน มือ เสื้อผ้า หน้าผม ได้จัดเก็บไว้ทั้งหมดแล้ว
ขณะที่ตัวของ ผู้ตาย คือ "สจ.โต้ง" จากการตรวจสอบไม่มีการพกพาอาวุธเข้าไปภายในบ้านของ "โกทร" โดยเข้าไปคุยคนเดียว และปล่อยให้บริวารอยู่ด้านนอก แต่ทำไมถึงให้บริวารหรือลูกน้องอยู่ด้านนอกนั้น ต้องมารับฟังพยานหลักฐานก่อน
พล.ต.ท.อัคราเดช เผยว่า เรื่องมีนายตำรวจบางนายอยู่ในกลุ่มลูกน้อง สจ.โต้งด้วยนั้น ก่อนหน้านี้มีการสอบปากคำไปแล้ว เดี๋ยวจะมีการตรวจสอบเพิ่มเติม และวันนี้จะมีการสอบปากคำเพิ่มเติมบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงบุคคลอื่นที่อยู่ในคลิปเสียงด้วย จะต้องเรียกมาสอบปากคำทุกคน ซึ่งยืนยันว่า ทุกปัญหามีคำตอบอย่างแน่นอนทั้งนี้กรณีที่ญาติของ สจ.โต้ง มีความกังใจและอยากให้โอนสำนวนคดีไปที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางนั้น วันนี้ จะต้องมีการหารือร่วมกันก่อน ว่า เรื่องต่างๆไปทำให้เกิดความเกรงกลัวในพื้นที่ และขยายวงกว้างหรือไม่ โดยกองปราบปรามจะใช้ดุลยพินิจ อีกครั้งและหลังการประชุมวันนี้ จะมีการขยายผลไปที่รูปแบบโอเปอเรชั่นด้วย
ขณะเดียวกัน มีรายงานความคืบหน้าทางคดีหลังจากที่ ตำรวจกองปราบปราม ลงมาช่วยในการสืบสวนและทำดคีด้วย โดยคดีนี้ ทางชุดสืบสวนของกองปราบปราม ได้เห็นรายละเอียดทั้งหมดแล้ว และยืนยันย้ำว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นมาจากเรื่องขัดแย้งทางการเมืองอย่างแน่นอน ไม่ได้เป็นไปตามที่มีข้อมูลออกมาว่าเป็นความขัดแย้งส่วนตัวของ "ลูกน้องโกทร" กับตัวของ "สจ.โต้ง"
รวมถึงประเด็นที่มีการกล่าวอ้างว่าว่า "โกทร" นอนอยู่ภายในห้อง แนวทางการสืบสวนไม่ได้เป็นไปตามนั้น เพราะจากแนวทางการสืบสวนพบว่า ทุกอย่างถูกจัดวางไว้ทั้งหมดแล้ว ส่วนผู้ต้องหา ขณะนี้พบว่า ยังมีทั้งหมด 7 คน และหลังจากนี้จะมีการขยายผลในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการยิงต่อสู้กันด้วย
ทั้งนี้ มีรายงานว่าด้วยว่า ผลชันสูตรของ "สจ.โต้ง" พบกระสุนปืนลูกปราย จากกระสุนปืนลูกซอง ในร่างของผู้ตาย 22 นัด พบที่ลำตัว 17 เม็ดและกระสุนขนาด 9 มม. ถูกยิงเข้าที่ ศรีษะอีกจำนวน 2 นัด พร้อมกันนี้ยังมีรอยกระสุนเข้าที่ก้น อีก 2 นัด และยังพบกระสุนปืนที่แผ่นหลังอีก 1 นัด