svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

เปิดเส้นทางคดี “เสี่ยโจ้ ปัตตานี” เจ้าพ่อน้ำมันเถื่อน รอดคุกเพราะมีคนช่วย

เปิดเส้นทางคดี “เสี่ยโจ้ ปัตตานี” พ่อค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ของประเทศ พบมีคดีติดตัวยาวเป็นหางว่าว แต่รอดคุกเพราะมีคนมีสีช่วย

13 มิถุนายน 2567 กลายเป็นประเด็นใหญ่ กรณีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน ของกลางในคดีน้ำมันเถื่อน เครือข่าย "โจ้ ปัตตานี" จำนวน 3 ลำ จากทั้งหมดที่ถูกจับกุม 5 ลำ บรรจุน้ำมันรวมกว่าสามแสนลิตร หายไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี จนนำมาสู่คำสั่งย้าย ผกก.ตำรวจน้ำ พร้อมลูกน้อง รวม 4 นาย เข้า ศปก.บช.ก. โดย "บิ๊กก้อง" พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ท่ามกลางกระแสข่าวมีการนำเงินหลักล้านบาทมาเคลียร์ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเอาเรือออกไป 
ภาพเรือน้ำมันเถื่อนของกลางก่อนหาย

โดยข้อมูลจากสำนักข่าวอิศรา ระบุว่า นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ “เสี่ยโจ้ ปัตตานี” นักธุรกิจชื่อดังในภาคใต้ตอนล่าง ที่เดิมเคยทำธุรกิจแพปลา ก่อนจะผันตัวมาทำธุรกิจค้าไม้ และแลกเปลี่ยนเงินตรา และกลายมาเป็นเป็นผู้อิทธิพลในธุรกิจสีเทา เกี่ยวพันกับขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ของประเทศ และยังถูกฝ่ายความมั่นคงเชื่อมโยงว่า เกี่ยวข้องกับปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 
นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ “เสี่ยโจ้ ปัตตานี”
 

ในปี 2546 - 2549 "เสี่ยโจ้" เคยถูกดำเนินคดีในข้อหาค้าหวยใต้ดิน 

17 ต.ค. 2555 ถูกเจ้าหน้าที่ทหาร คณะทำงานปราบปรามภัยแทรกซ้อน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าตรวจค้นบ้านและห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) สหทรัพย์ทวีค้าไม้ ตั้งอยู่ที่ 103/49 ถนนนาเกลือ หมู่ 8 ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี และสามารถตรวจยึดของกลางที่เกี่ยวข้องกับการประทำความผิดได้หลายรายการ อาทิ รถบรรทุก 2 คัน และรถบรรทุกห้องเย็นอีก 2 คัน ที่ถูกดัดแปลงสำหรับขนน้ำมันเถื่อน รวมถึงเงินสกุลต่างประเทศและเงิยไทยอีกประมาณ 23 ล้านบาท

2 พ.ย. 2555 "เสี่ยโจ้" เข้ารับทราบข้อกล่าวหาของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานความผิดเกี่ยวกับสรรพากร พร้อมยื่นประกันตัวด้วยเงิน 5 แสนบาท 

5 พ.ย. 2555 "เสี่ยโจ้" ได้แถลงข่าวที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ชี้แจงว่า กรณี หจก.สหทรัพย์ทวีค้าไม้ที่ถูกตรวจค้น เจ้าหน้าที่ไม่ได้ยึดของกลางใดๆ เพราะไม่มีสิ่งผิดกฎหมาย พร้อมปฏิเสธว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับการค้าไม้และน้ำมันเถื่อนตามที่ถูกกล่าวหา รวมทั้งไม่เคยสนับสนุนกลุ่มก่อความไม่สงบที่ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ 
นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ “เสี่ยโจ้ ปัตตานี”

6 ต.ค. 2556 เจ้าหน้าที่บริษัท สหทรัพย์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ธุรกิจในเครือของนายสหชัย ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจว่า เมื่อวันที่ 2 ต.ค.56 เรือขนเงินของบริษัทถูกปล้นบริเวณนอกชายฝั่ง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี มีลูกเรืออยู่ 8 คน ถูกยิงเสียชีวิตไป 7 คน ที่เหลือ 1 คนก็หายตัวไป ขณะที่เงินสดทั้งสกุลเงินไทยและต่างประเทศเกือบ 120 ล้านบาทสูญหายไป ต่อมาตำรวจกองปราบตามเงินคืนมาได้ สามารถจับกุมผู้ต้องหา 4 ราย และออกหมายจับผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่อีก 4 ราย 
 

17 มิ.ย. 2557 ชุดปฏิบัติการปราบปรามภัยแทรกซ้อนต่อความมั่นคง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า บุกตรวจค้น หจก.สหทรัพย์ทวีค้าไม้ของนายสหชัย โดยอาศัยอำนาจตามกฎอัยการศึก และได้คุมตัวนายสหชัยไปสอบสวนขยายผล ในข้อหาเกี่ยวข้องกับความมั่นคง ที่ค่ายอิงคยุทธบริการ ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี 

19 มิ.ย. 2557 ในขณะที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในศูนย์ซักถาม มีรายงานว่า นายสหชัย ยอมรับสารภาพว่า ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับน้ำมันจริง  แต่อ้างว่าทำในทะเลนอกน่านน้ำไทยหรือน่านน้ำสากล ที่อยู่นอกเหนือการบังคับใช้กฎหมายไทย 

26 มิ.ย. 2557 พนักงานสอบสวน สภ.เมืองปัตตานี นำตัวนายสหชัยไปขออำนาจฝากขังจากศาลปัตตานีผลัดแรก แต่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวตามที่ทนายและญาติได้ยื่นร้องขอ เพราะเคยมีประวัติหลบหนีประกัน

16 ก.ค. 2557 ศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนายสหชัย

5 ส.ค. 2557 เจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามภัยแทรกซ้อน เจ้าหน้าที่สรรพากร และเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ ได้เข้าตรวจค้นและยึดอายัดทรัพย์ที่ หจก.สหทรัพย์ทวีค้าไม้ พบเงินสดและทองแท่งในตู้เซฟ มูลค่านับร้อยล้านบาท
เปิดเส้นทางคดี “เสี่ยโจ้ ปัตตานี” เจ้าพ่อน้ำมันเถื่อน รอดคุกเพราะมีคนช่วย

15 ก.ย. 2557 เจ้าหน้าที่สรรพากร นำเจ้าหน้าที่กองบังคับคดีจังหวัดปัตตานี ยึดทรัพย์ต่างๆ ของนายสหชัย

9 ต.ค. 2557 นายสหชัยเดินทางไปขึ้นศาลจังหวัดปัตตานี เพื่อรับฟังคำพิพากษาคดีครอบครองเอกสารตรวจลงตราเข้าเมืองปลอม ศาลสั่งลงโทษจำคุก 1 ปี 9 เดือนโดยไม่รอลงอาญา แต่หลังจากศาลตัดสินในวันเดียวกันนั้น ระหว่างรอคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีเป็นเจ้ามือสลากกินรวบ ปรากฎว่า นายสหชัย  ได้หลบออกจาที่คุมขังศาล ทำให้ถูกดำเนินคดีและถูกออกหมายจับ ฐานหลบหนีจากที่ควบคุมของศาล หมายจับที่ 368/2557 ซึ่งการหลบหนีของนายสหชัย จากที่คุมขังของศาล มีตำรวจยศ ร.ต.ต. ให้ความช่วยเหลือพาหลบหนี  

ต่อมานายตำรวจรายดังกล่าว ถูกสอบสวนและถูกสั่งให้ออกจากราชการ และถูกพิพากษาจำคุก ฐานละเมิดอำนาจศาล และฐานปล่อยให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยหลบหนี 

ในปี 2560 – 2561 มีข่าวลือว่า “เสี่ยโจ้” กลับมาอยู่อาศัยที่บ้านใน จ.ปัตตานี จนมีการตั้งคำถามว่า เหตุใด “เสี่ยโจ้” จึงไม่ถูกจำคุก เพราะมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วของศาล ให้ลงโทษจำคุกในข้อหาปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอม (หลบหนี ไม่ยื่นอุทธรณ์ตามกำหนด ทำให้คดีถึงที่สุด) 

ปรากฏว่าฝ่ายตำรวจได้ออกมาชี้แจงว่า ได้มีการยกเลิกหมายจับ “เสี่ยโจ้” ในปี 2557 ทั้งหมด ซึ่งมีราว ๆ 7 หมายจับ เพราะ "เสี่ยโจ้" ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ใน กทม. เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2560 และ ในวันที่ 10 ก.ย. 2561 

แต่จากการตรวจสอบพบว่า หมายจับที่ 368/2557 ยังไม่ถูกยกเลิก โดยเป็นหมายจับในคดีหลบหนีจากที่ควบคุมของศาล และภายหลังมีการออกหมายจับใหม่ที่ 559/2561 มาแทน และยังไม่อยู่ในสถานะยกเลิกเช่นกัน แต่ฝ่ายตำรวจและฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ไม่ได้อธิบายอะไร และเรื่อง “เสี่ยโจ้” ก็เงียบหายไป 

ทั้งยังได้รับการยืนยันข้อมูลจากฝ่ายความมั่นคงว่า “เสี่ยโจ้” มีหมายจับทั้งหมด 7 หมาย เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร, ปลอมแปลงเอกสารราชการ, ความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน ฐานเป็นเจ้ามือหวยเถื่อน, ความผิดฐานค้าน้ำมันเถื่อน และความผิดตาม พ.ร.บ.โรงงาน ฐานประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยคดีส่วนใหญ่อยู่ในชั้นสอบสวน มีเพียง "คดีหนีคุก" กับคดีเป็นเจ้ามือหวยเถื่อนเท่านั้น ที่อยู่ในชั้นศาล และศาลมีคำพิพากษาแล้ว

จากสถานะหมายจับที่ 559/2561 ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า เมื่อตำรวจรับมอบตัว "เสี่ยโจ้" ในคดีต่าง ๆ หลายคดี และยกเลิกหมายจับไปแล้วหลายหมาย ช่วงปี 2560 - 2561 เหตุใดพนักงานสอบสวนจึงไม่ควบคุมตัว "เสี่ยโจ้" ส่งศาล เพราะมีหมายจับในคดีเป็นเจ้ามือสลากกินรวบ และคดีใช้ดวงตราประทับไม้ปลอม ซึ่งมีหมายจับอยู่ชัดเจน การกระทำลักษณะนี้เข้าข่ายช่วยเหลือผู้ต้องหา หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ แต่สุดท้ายก็ไม่มีคำชี้แจงใดๆ ทุกอย่างเงียบหายไปกับสายลม 
ตำรวจสอบสวนกลางแถลงจับกุมเสี่ยโจ้

4 พ.ย. 2564 ตำรวจสอบสวนกลางจับกุม “เสี่ยโจ้” นายสหชัย เจียรเสริมสิน ได้ที่ร้านอาหารริมทาง ย่านห้วยขวาง โดยเป็นการจับตามหมายจับ “คดีฟอกเงินจากการค้าน้ำมันเถื่อน” 

5 พ.ย. 2564 ตำรวจสอบสวนกลางเปิดแถลงข่าวใหญ่ ขึ้นภาพ backdrop เป็นหน้า “เสี่ยโจ้” คาดตา แล้วเขียนคำว่า เจ้าพ่อค้าน้ำมันเถื่อน 

6 พ.ย. 2564 ตำรวจนำตัว “เสี่ยโจ้” ส่งอัยการจังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบสำนวนคดีฟอกเงิน ปรากฏว่า อัยการแจ้งว่า “สั่งไม่ฟ้องไปแล้ว” ไม่มีอำนาจควบคุมตัว จึงต้องปล่อย “เสี่ยโจ้” เป็นอิสระ 
วันเดียวกัน ตำรวจชี้แจงว่า ตอนที่จับ “เสี่ยโจ้” มีหมายจับในสารบบเพียงหมายเดียว คือหมายจับคดีฟอกเงิน (ทั้ง ๆ ที่เสี่ยโจ้มีสิบกว่าคดี) และไม่พบหมายจับในคดีที่ศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้วให้จำคุก “เสี่ยโจ้” เป็นเวลา 1 ปี 9 เดือน ฐานใช้ดวงตราประทับไม้ปลอมในการเคลื่อนย้ายไม้ (เสี่ยโจ้ทำธุรกิจค้าไม้ด้วย) 

ตำรวจอ้างว่า ตรวจสอบก่อนหน้าการจับกุมแล้วพบว่า ไม่มีหมายจับ จึงพยายามสอบถามทางศาลจังหวัดปัตตานี แต่ศาลตอบอย่างไม่เป็นทางการว่าหาสำเนาหมายจับไม่เจอ 
"บิ๊กก้อง" ขณะทำการสอบสวนเสี่ยโจ้

8 พ.ย. 2564 ตำรวจบอกว่า ทางศาลปัตตานีเพิ่งส่งสำเนาหมายจับให้ แต่ไม่ทันแล้ว “เสี่ยโจ้” หนีไปจากบ้านตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย. 2564 

11 พ.ย. 2564 สำนักงานศาลยุติธรรมออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า ศาลจังหวัดปัตตานีได้พิพากษาจำคุก “เสี่ยโจ้” ตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค. 2557 แต่ “เสี่ยโจ้” หลบหนี ก็ส่งหมายจับให้ตำรวจในวันนั้นเลย ต่อมาวันที่ 26 พ.ค. 2558 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ทำให้คดีถึงที่สุด ศาลก็ส่งหมายจับให้ตำรวจอีกหมายหนึ่งในวันเดียวกัน 

ทำให้ทาง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ในขณะนั้น มีคำสั่งให้ ผบช.ภาค 9 สอบสวนเรื่องนี้และให้รายงานกลับมาภายใน 3 วัน หากพบใครกระทำผิดกฎหมายหรือวินัยให้จัดการได้ทันที

18 พ.ย. 2564  ทางตำรวจมีการแถลงผลสอบสวนสรุปได้ว่า 

-คนที่ซุกหมายจับ เป็นพนักงานสอบสวนคนหนึ่ง ไม่ยอมบอกชื่อ
-ได้รับหมายจับจากศาล เพราะไปที่ศาลพอดี
-ได้หมายมาแล้ว เก็บไว้ ลืมนำเข้าสารบบหมายจับ
-เป็นตำรวจมาช่วยราชการ ตอนนี้ย้ายกลับภูธรภาค 3 แล้ว
-ถ้าจะสอบวินัย เป็นหน้าที่ของภูธรภาค 3
-ย้ำว่ามีคนบกพร่องเพียงคนเดียว คือพนักงานสอบสวนคนที่ว่านี้ 


เหล่านี้คือวีรกรรมของเสี่ยโจ้ ปัตตานี ก่อนมีชื่อตกเป็นข่าว การหายไปของเรือน้ำมันเถื่อนของกลางในครั้งนี้....
เปิดเส้นทางคดี “เสี่ยโจ้ ปัตตานี” เจ้าพ่อน้ำมันเถื่อน รอดคุกเพราะมีคนช่วย