svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ตร.รอคำสั่งออกหมายจับมือปืน - ผู้จ้างวานฆ่า "เสี่ยต้น" สอบลูกความสัมพันธ์พ่อแม่

ตำรวจรอคำสั่งออกหมายจับมือปืน - ผู้จ้างวาน ฆ่า “เสี่ยต้น” เรียกสอบปากคำลูก 3 คน ถึงความสัมพันธ์ในครอบครัว ขณะที่น้องสาวเสี่ยต้นดีใจ ตำรวจเตรียมออกหมายจับคนก่อเหตุ ตรงกับเป้าหมายในใจ

30 พฤษภาคม 2567 ความคืบหน้ากรณีการเสียชีวิตของ นายพิชิต กลีบจินดา หรือ "เสี่ยต้น" นักธุรกิจสอนนวดและสปา ที่ขณะนี้ตำรวจกำลังสอบสวน ทั้งกรณีการถูกลอบยิงในในพื้นที่ สน.วังทองหลาง เมื่อวันที่ 8 เม.ย. และไปเสียชีวิตอย่างปริศนาที่ จ.มหาสารคาม ในวันที่ 16 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยญาติสงสัยว่าถูกวางยาหรือไม่ โดยคดีนี้ตำรวจพบว่า ทั้งสองคดีมีความเชื่อมโยงกัน พร้อมเตรียมขอหมายจับอย่างน้อย 4 ราย ทั้งมือปืนและผู้จ้างวาน
นายพิชิต กลีบจินดา หรือ "เสี่ยต้น"

ล่าสุด พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง เปิดเผยว่า ตอนนี้ยังไม่มีการไปขอหมายจับจากศาลตามที่มีกระแสข่าว เพราะยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน มี พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง ซึ่งต้องรอนโยบายและการสั่งการ เพื่อให้คดีมีความรัดกุม

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน ยังต้องเรียกสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มพนักงานในโรงเรียนสอนตัดผม โรงเรียนสอนนวดสปา และธุรกิจโรงไม้ เพื่อดูในเรื่องความเป็นอยู่ และความสัมพันธ์ของเสี่ยต้นและภรรยา ในฐานะนายจ้างว่า เขามีความสัมพันธ์กันแบบไหนอย่างไร 
เสี่ยต้นกินข้าวกับครอบครัวก่อนถูกยิง
 

ขณะเดียวกันวันนี้ ช่วงบ่ายวันนี้ ทนายความของคุณมด ภรรยาเสี่ยต้น ได้พาลูกของเสี่ยต้นทั้ง 3 คน มาให้ปากคำที่ สน.วังทองหลาง และเนื่องจากลูกสาวของเสี่ยต้น และคุณมด ยังเป็นเยาวชน จึงต้องมีสหวิชาชีพ อัยการ และนักจิตวิทยา มาร่วมสอบปากคำด้วย 

โดยประเด็นที่จะมีการสอบปากคำ จะถามเรื่องความสัมพันธ์ของพ่อกับแม่ และเนื่องจากลูกสาวคนโต อยู่ในเหตุการณ์ลอบยิงเมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมาด้วย โดยวันดังกล่าว เสี่ยต้น ภรรยา ลูกสาว และแม่เสี่ยต้น ไปทานข้าวด้วยกัน ก่อนเสี่ยต้นจะถูกลอบโดนยิง รวมถึงลูกเสี่ยต้นก็อยู่ที่ จ.มหาสารคาม ในวันที่เสียต้นเสียชีวิตและอยู่ตลอดงานศพด้วย ส่วนประเด็นเรื่องการค้นหาไซยาไนด์ เป็นคำบอกเล่าจากพยานแวดล้อม จะต้องทำการพิสูจน์ทราบให้ชัดเจน

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวี ได้พูดคุยกับลูกสาวคนโตของเสี่ยต้น ทราบว่า วันนี้มาให้ปากคำตามที่ตำรวจได้นัดหมาย ซึ่งส่วนใหญ่ให้ปากคำประเด็นความสัมพันธ์ในครอบครัว และยอมรับว่า ในวันเกิดเหตุลอบยิง 8 เม.ย. ลูกสาวคนโตก็ไปทานข้าวกับพ่อและแม่ด้วย ส่วนลูกคนกลางกับคนเล็กไม่ได้ไป เพราะตอนนั้น น้อง 2 คน อยู่ที่มหาสารคาม แต่เรื่องอื่น ๆ ขอไม่ให้รายละเอียด ขณะที่ คุณมดผู้เป็นแม่ ไม่ได้มาโรงพักด้วย เพราะติดทำงาน 
ลูกทั้งสามของเสี่ยต้น
 

เปิดประโยคสำคัญ ก่อน "เสี่ยต้น" บินไปตาย พบถูกขู่ชัด

ผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวี ไปได้ข้อมูลในแนวทางการสืบสวนมาด้วยว่า จริง ๆ ที่เสี่ยต้นบินไปมหาสารคาม ในวันที่ 15 เม.ย. แล้วแม่ของเสี่ยต้นให้ไปนั้น เป็นเพราะแม่เสี่ยต้นถูกข่มขู่ คือภรรยาของเสี่ยต้น โทรหาแม่เสี่ยต้น คืนวันที่ 14 เม.ย. แล้วพูดประโยคหนึ่งว่า “ถ้าพี่ต้นไม่ไป จะฟ้องให้หมดตัว” จึงเป็นที่มาว่า วันที่ 15 เม.ย. ครอบครัวจึงยกขโยงกันไปส่ง

น้องสาวเสี่ยต้น ดีใจ ตำรวจจ่อหมายจับคนก่อเหตุ ตรงกับเป้าหมายในใจ

ขณะที่ น.ส.ณัฐปภัษร์ ธนภัคนันท์หิรัญ หรือ “เจ” น้องสาวของเสี่ยต้น ระบุว่า ดีใจมากที่คดีตำรวจใกล้ออกหมายจับและได้เห็นความชัดเจน ในความเชื่อมโยงของคดีที่วังทองหลาง และคดีที่มหาสารคาม ส่วนจะเชื่อมโยงอย่างไร ขอให้ตำรวจเป็นคนดำเนินการสรุป 

ส่วนที่ตำรวจระบุว่า มีความเชื่อมโยงทั้งตัวบุคคล แรงจูงใจ และเหตุการณ์นั้น ตนมองว่า มีเป้าหมายในใจจึงได้ไปคุยตำรวจ และตำรวจก็หาข้อมูลมาจากทุกฝ่าย ทำให้ข้อมูลที่ได้มาทั้งหมด ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง และเป็นไปได้ด้วยว่า ความเชื่อมโยงดังกล่าว จะตรงกับความเป้าหมายที่ตนเองให้ข้อมูลไว้ ซึ่งในครอบครัวก็พูดคุยกัน ถ้าคดีเป็นอย่างที่คิด ที่เป็นคนใกล้ชิดจริงนั้น ก็ขอให้เป็นไปตามกฎหมาย และแม้จะมีคดีลอบยิงที่จะมีการออกหมายจับนั้น ส่วนตัวก็อยากให้คดีเข้มงวดไปจนถึงคดีการตาย ที่มหาสารคามพร้อมกันเลย

เมื่อถามว่า อยากจะบอกอะไรไปถึงผู้จ้างวานหรือไม่ น.ส.เจ กล่าวว่า “ขอให้ทราบว่า กฎแห่งกรรมมีจริง” ส่วนเหตุผลของการสั่งยิง หากเป็นคนต้องสงสัยไว้แล้ว เราคิดว่า เราทราบเหตุผล แต่อยากให้รอตำรวจสรุปดีกว่า รอให้หมายจับออกก่อน เพราะหากพูดเหตุผลจะรู้เลยว่าเป็นใคร

ส่วนเหตุการณ์วันที่ไปกินข้าวร้านส้มตำ ย่านกรุงเทพกรีฑา ในช่วงเย็นวันที่ 8 เม.ย.กับ ภรรยา ลูกสาว และแม่ของเสี่ยต้นนั้น มีอะไรผิดปกติหรือไม่ น.ส.เจ กล่าวว่า ในวันนั้นแม่ไม่ได้เล่าอะไร แม่แค่ให้ตนเองมาเลี้ยงหลานให้แทน แล้วแม่ออกไปข้างนอก แล้วกลับมาก็ไม่ได้เล่าอะไรจนเกิดเหตุยิงกันขึ้น แล้วพี่ชายมาเสียชีวิต จึงประติดประต่อเรื่องว่า มีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ 

ซึ่งชนวนของการเชื่อมโยงในวันนั้น มีทั้งข้อมูลการพูดคุยกัน ข้อมูลทางโซเชียลทั้งจากญาติ และเสี่ยต้นให้ปากคำไว้ทั้งหมด ส่วนการถ่ายภาพของแม่เสี่ยต้นนั้น ก็เพื่อต้องการถ่ายภาพรูปของลูกหลานเก็บไว้อยู่แล้ว ไม่ได้ถ่ายเพราะสงสัยอะไรเป็นพิเศษ เพราะแม่มักจะถ่ายรูปเป็นประจำ และเท่าที่ตนเองคุยกับแม่ แม่ไม่ได้เห็นอะไรคนเพราะสายตาไม่ดี แม่น่าจะเห็นแค่ตรงหน้า จึงไม่รู้ว่ามีใครไปดักปองร้ายที่ร้านนั้นหรือไม่ และตนเองไม่ทราบสาเหตุที่ พี่ชายไม่ได้ไปส่งแม่ แต่ให้ภรรยาไปส่งแทน เพราะแม่ไม่ได้เล่าให้ฟัง
เสี่ยต้นกินข้าวกับครอบครัวก่อนถูกยิง

ยืนยันได้ว่าครอบครัวสบายใจขึ้น แต่ก็กังวลว่าครอบครัวจะอยู่ในอันตราย หลวงพ่อจะโทรมาสอบถามทุกวัน และได้แจ้งหลวงพ่อว่า ถ้ามีใครมาหาจะมาทำอะไรไม่ดี ให้โทรหาตำรวจได้เลย และส่วนตัวก็มีเบอร์แปลก ๆ โทรมาหาเช่นกัน ตนก็บล็อกไปเลย

ส่วนเหตุการณ์ก่อนที่เสี่ยต้นจะเดินทางไปมหาสารคาม ซึ่งมีข้อมูลว่า เสี่ยต้นบอกกับภรรยาว่า ขอถามแม่ก่อนว่าอนุญาตหรือไม่นั้น ประเด็นนี้มีการพูดคุยกันจริงหรือไม่ น.ส.เจ กล่าวว่าทุกคนให้การกับตำรวจไปแล้ว และตำรวจมีข้อมูลการโทรศัพท์ทั้งหมดด้วย

น.ส.เจ ยอมรับว่า เมื่อวันที่ 15 เม.ย.ครอบครัวตั้งใจจะส่งเสี่ยต้น กลับไปหาครอบครัวที่มหาสารคาม เลยไปส่งสนามบินแล้วกันทั้งหมด พอเช้าวันที่ 16 เม.ย.ได้ข่าวว่า เสี่ยต้นเสียชีวิต ทำให้ตนถึงกับนั่งช็อก แล้วถามตัวเองว่า เมื่อวานยังส่งพี่ชายอยู่เลย เราส่งไปตายเหรอ ทำเอาตนกินข้าวไม่ได้เป็นสัปดาห์ 

ประกอบกับหลวงโทรมาหาร้องไห้ทุกวัน ทำให้เป็นที่มาของการเดินหน้าทำคดีนี้ให้ได้ แม้หลายคนเตือนไม่อยากให้ทำ เพราะกลัวอิทธิพล แต่ตนยินดีต้องทำให้สำเร็จ พร้อมบอกอีกว่า วันที่ 15 เม.ย.ที่ครอบครัวยอมให้ไปมหาสารคาม เพราะทุกคนมีเจตนาดี ที่อยากให้ครอบครัวของพี่ชายกลับมาคืนดีกัน อยู่เป็นครอบครัว ตนเชื่อว่า ทุกวันนี้พี่ชายอยู่กับตนตลอดเวลา ทุกครั้งที่ไป สน.ไหน ตนจะจุดธูปและเอาพาสปอร์ตของพี่ชายไปด้วยทุกครั้ง เพื่อขอให้ช่วยเปิดทางอะไรที่ติดขัดซ่อนอยู่ ให้เปิดออกมา เพื่อให้คดีคืบหน้าไปเร็ว
น.ส.ณัฐปภัษร์ ธนภัคนันท์หิรัญ หรือ “เจ” น้องสาวของเสี่ยต้น

ทนายความภรรยาเสี่ยต้น นำข้อมูลหลักฐานใหม่ให้ตำรวจ

ขณะที่ช่วงค่ำ นายสมโภช ฤทธิธรรม ทนายความของคุณมด ภรรยาเสี่ยต้น ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากที่พาลูกของเสี่ยต้นและคุณมด 3 คน มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง นานกว่า 7 ชั่วโมง ว่า วันนี้นำเด็ก 3 คน มาสอบปากคำ ในข้อเท็จจริงที่ปรากฎในข่าว เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงชัดเจนขึ้น ซึ่งการสอบปากคำในวันนี้เป็นประเด็นทั่วไป แต่มีข้อเท็จจริงโผล่ขึ้นมา เป็นเรื่องบุคคลของหญิงปริศนา ที่พบข้อมูลใหม่ คือ มีนางสาวอักษรย่อ ร. เข้ามาเกี่ยวข้องกับเสี่ยต้น 

โดยพบว่า เมื่อวันที่ 27 พ.ค. มีนาย ท. ติดต่อมาที่โทรศัพท์เสี่ยต้น ซึ่งเป็นเบอร์ที่ใช้ในบริษัท เพื่อตามหานางสาว ร. ซึ่งเป็นภรรยาที่หายไป โดยนาย ท.อ้างว่า เป็นสามีของนางสาว ร. และที่ติดต่อมาหาเบอร์เสี่ยต้น เพราะตรวจสอบโทรศัพท์ นางสาว ร. พบเบอร์ของเสี่ยต้นเมมไว้ ต้น1 ต้น2 ต้น3 และตอนติดต่อมา นาย ท. ไม่รู้ว่า เสี่ยต้นเสียชีวิตแล้ว แต่เมื่อทราบว่าเสี่ยต้นเสียชีวิต ก็มาบอกภายหลังว่าเจอภรรยา ร. แล้ว 

จากนั้นเมื่อคุณมดทราบข้อมูล ก็ได้ไปตรวจสอบพบว่า นางสาว ร. มีหนุ่มอีกหลายราย นอกจากเสี่ยต้น และนาย ท. ซึ่งช่วงที่คุณมดแยกตัวกับเสี่ยต้น ก็มีเรื่องที่เสี่ยต้นไปยุ่งกับหญิงอื่นอยู่แล้ว 

ทั้งนี้ไม่แน่ใจว่า บุคคลปริศนา คือนางสาว ร. อาจจะเกี่ยวข้องกับการลอบยิงหรือไม่ คงไม่สามารถยืนยันได้ จึงได้ส่งมอบข้อมูลให้กับตำรวจ เพื่อไปให้ทำการสืบสวนหาข้อเท็จจริงต่อ โดยข้อมูลของนางสาว ร. เนื่องจากคุณมดเพิ่งรู้ แต่ไม่รู้ใบหน้า และไม่ทราบว่า ใช่สาวคาราโอเกะหรือไม่  จึงยังไม่ได้ให้การกับพนักงานสอบสวน เพราะถือเป็นข้อมูลใหม่ล่าสุด ส่วน นางสาว ร.จะเป็นผู้หญิงที่เคยโพสต์ถึง หรือเคยเป็นบุคคลที่คุณมดสงสัยว่า เสี่ยต้นไปเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น ไม่สามารถยืนยันได้เช่นกัน

ทนายความ ยังบอกอีกว่า จนถึงขณะนี้ คุณมดก็ยังยืนยันในความบริสุทธิ์ ไม่ได้ทำให้เสี่ยต้นชีวิต และยืนยันว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีการลอบยิงเสี่ยต้น เข้าใจได้ว่า สังคมอาจจะสงสัย ทั้งนี้ทนายความมองว่า หากตำรวจมีพยานหลักฐานที่แน่นหนาว่า มดเป็นคนทำ เทวดาก็ช่วยไม่ได้ เพราะชุดทำคดีชุดนี้ เป็นชุดสืบสวนมือพระกาฬทั้งนั้น 
นายสมโภช ฤทธิธรรม ทนายความของคุณมด ภรรยาเสี่ยต้น