21 พฤษภาคม 2567 ตำรวจสืบนครบาล จับกุมกรรมการบริษัททัวร์ จัดทัวร์ทิพย์หลอกลวงประชาชนในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์. รรท.ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมทางออนไลน์ ที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยได้รับการร้องเรียนผ่านเพจสืบนครบาลว่า ถูกบริษัททัวร์เปิดให้จองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก มีเสียหายกว่า 60 คน และมีการตั้งกลุ่มในเฟซ ชื่อ "ก้าวเจริญ30 ทัวร์"
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้กำชับสั่งการให้ พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. ให้รีบจับกุมมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว เพื่อจะได้ไม่เป็นภัยสังคมอีกต่อไป
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.สั่งการให้ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.วุฒิพันธ์ ผะอบทอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.2 สืบนครบาล ได้จับกุมตัว นางสาวนิชาภา ธนวงศ์พร อายุ 46 ปี ที่อยู่ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ 377/2563 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์” จับกุมที่บริเวณบริเวณหน้าหอพักทัดระวี เลขที่ 4/312 ซ.ฝ.9 ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ
จากการตรวจสอบพบในฐานระบบ ยังพบมีหมายจับอีก 2 หมายดังนี้
พฤติการณ์ในคดี เมื่อประมาณ ปี 2557 ผู้ต้องหาได้จดทะเบียน บริษัท ก้าวเจริญ 30 ทัวร์ จำกัด ดำเนินกิจการโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบกิจการให้บริการ รับจองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก โปรแกรมทัวร์ ต่อมาเมื่อประมาณ 2562 ผู้ต้องหาอ้างว่า บริษัทฯประสบปัญหาขาดทุนจึงไม่สามารถดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของบริษัทฯได้และไม่สามารถนำเงินมาคืนให้กับผู้เสียหายได้
กลุ่มผู้ได้รับความเสียหายจึงรวมตัวกันโดยตั้งกลุ่ม Facebook ชื่อ "ก้าวเจริญ30ทัวร์โกง" ซึ่งมีสมาชิกเป็นกลุ่มผู้ได้รับความเสียหายจากบริษัทดังกล่าวกว่า 60 ราย โดยมีการประสานงานเพื่อรวมตัวกันไปแจ้งความ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ตรวจสอบจากระบบสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า มีการแจ้งความดำเนินคดีอาญาไว้แล้วจำนวน 5 คดี ผู้เสียหาย 7 ราย มูลค่าความเสียหาย 623,124 บาท
ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาห้การอ้างว่าเพื่อนเอาชื่อไปจดทะเบียนบริษัททัวร์ ต่อมา หุ้นส่วนของบริษัทคิดสั้นจบชีวิตที่หน้าบ้านเป็นข่าวดังที่ภูเก็ต จึงทำให้ธุรกิจรวน ไม่สามารถนำทัวร์ไปตามที่ลูกค้าจ่ายได้ แล้วก็ไม่ สามารถคืนเงินลูกค้าได้ จึงหลบหนี โดยปัจจุบันผู้ต้องหาทำงานเฝ้าห้องพักรายเดือน
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่าจากการตรวจสอบ บริษัททัวร์ดังกล่าว มีการจดทะเบียนถูกต้อง ส่วนกรณีข้อหาฉ้อโกงฯ ก็อยู่ในขั้นตอนดำเนินคดี และหากประชาชนท่านใดได้รับความเสียหายจากกรณีดังกล่าว สามารถเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจให้รีบทำการอายัดตัวผู้ต้องหา ฝากถึงประชาชน ที่พบบริษัททัวร์ หรือการโฆษณาขายทัวร์ในลักษณะที่ต้องสงสัยก็ขอให้แจ้งตำรวจเพื่อตรวจสอบและแจ้งเตือนประชาชนรายอื่นไม่ให้ถูกหลอกด้วย
ผู้ที่จะไปท่องเที่ยว ควรศึกษาให้ดี ว่าบริษัทที่จะไปมีความน่าเชื่อถือเพียงใด ปัจจุบัน มิจฉาชีพ และอาชญากรรมออนไลน์ มีความรุนแรง และมีรูปแบบการหลอกลวงที่ซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งสิ่งสำคัญขณะนี้ คือ การสร้างการรับรู้ ถึงรูปแบบวิธีการ และ การป้องกันตัวเองของประชาชน ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ