บุกรวบ “ทนายดัง” ขืนใจลูกความ เหยื่อตรอมใจกระโดดยอดเรือหวังปลิดชีพ

20 พฤษภาคม 2567  พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.  สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. และ พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น.ปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร.ร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบนครบาลร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายทนายอาร์ม สุวรรณรักษา อายุ 34 ปี เป็นชาว ต.พะตง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2055/2567 ลงวันที่ 3 พ.ค. 67 ข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้น อยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้” พบประวัติการถูกดำเนินคดี 2 คดี

ปี 2566 ถูกดำเนินคดีข้อหา “บุกรุก” พื้นที่ สภ.ทุ่งลุง จ.สงขลา และปี 2566 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้น อยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้” พื้นที่ สน.ดอนเมือง (คดีนี้) โดยจับกุมตัวได้ที่ บริเวณหน้าบ้านพัก ที่ต.พะตง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

สืบเนื่องจากที่บริเวณดาดฟ้าเรือหลวงจักรีนฤเบศร์จอดเทียบท่าเรือจุกเสม็ดในฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ท่ามกลางนักท่องเที่ยวมาขึ้นมาเยี่ยมชม หญิงสาววัย 26 ปี ตัดสินใจกระโดดลงมาจากดาดฟ้าเรือหวังจบชีวิต

ก่อนได้รับความช่วยเหลือจาก พ.จ.อ.ดาวลอย นาธงไชย และ พลทหารกูฮัท ซัน สมัย ผู้เห็นเหตุการณ์ แล้วกระโดดช่วยเหลือผู้เสียหายในน้ำได้มัน ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นข่าวตามสื่อโซเชียลเมื่อวันที่ 23 พ.ย.66

จาการสอบถามหญิงสาวระบุอ้างว่า เรื่องราวทั้งหมด เริ่มต้นปลายปี 2565 ขณะนั้นผู้เสียหายต้องพบกับมรสุมชีวิต เพราะไม่สามารถตามทวงเงินคืนจากเพื่อนได้ เป็นเงินกว่า 100,000 บาท ผู้เสียหายจึงมองหาทนาย เพื่อให้ดำเนินคดีความทางแพ่งให้

หญิงสาว กล่าวอ้างว่า ต่อมาผู้เสียหายพบกับทนายดังรายนี้ที่ตกลงรับทำคดีให้ โดยคดีความดำเนินไปถึงขั้นบังคับคดี ผู้ต้องหาเข้าสู่เส้นทางการเมือง ด้วยการลงสมัคร สส.ใน จ.สงขลา โดยอ้างว่าทนายดังใช้โอกาสล่อลวงผู้เสียหายให้มาร่วมงานประชุมและกินเลี้ยงของพรรคที่กรุงเทพฯ เพื่อจะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องคดีความกับผู้เสียหาย

หญิงสาวคนดังกล่าว ระบุอ้างว่า ผู้เสียหายจึงขับรถมาถึงย่านดอนเมือง เมื่อมาถึงโรงแรมกลับเป็นโรงแรมเล็ก ๆ ไม่มีห้องประชุมใดๆ โดยอ้างว่าทนายออกอุบายให้ผู้เสียหายขนของขึ้นไปเก็บบนห้องก่อนแล้วจะเดินทางไปคุยงานด้วยกันที่อื่น เมื่อผู้เสียหายเดินเข้าไปภายในห้องพักเพื่อเก็บของ ทนายก่อเหตุขืนใจ โดยหลังเหตุการณ์ดังกล่าว อ้างด้วยว่าทนายคนดังกล่าวยังคอยโทรศัพท์มาหาผู้เสียหายด้วยวาจาท่าทีเสมือนเช็กว่าจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง ก่อนผู้เสียหายจะตัดสินใจแจ้งความ แต่ก็ยังโดนข่มขู่ตลอด ทั้งเรื่องคดีและเรื่องอื่นๆ

ผู้เสียหาย กล่าวอ้างว่า ตอนนั้นอับจนหาทางแล้วจนเกือบจะเป็นบ้า เกินกว่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะรับไหวแล้ว จึงตัดสินใจไปเลือกจบชีวิตด้วยการกระโดดจากเรือหลวงจักรีนฤเบศร์

จากการสอบสวนเบื้องต้น ทนายคนดังกล่าว ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “เป็นการสมยอมของทั้งสองฝ่าย คดีนี้ตนชนะอยู่แล้ว ถ้าตนแพ้ ตนก็คงเลิกเป็นทนายความ แล้วตอนนี้ตนได้ฟ้องกลับฝ่ายหญิงแล้ว ข้อหากรรโชกทรัพย์ และแจ้งความเท็จ

นายทนายอาร์ม ให้การต่อว่า และตนได้ร้องไปที่ ป.ป.ช. ด้วยถึงการทำงานของพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ยืนยันที่ฟ้องกลับเหล่านี้ไม่ได้เป็นการแก้เกลี้ยว ส่วนเรื่องที่ฝ่ายหญิงไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ตนไม่ทราบและไม่ได้เห็นใจอะไร ขออย่าไปเข้าข้างฝ่ายหญิง ให้ดูข้อเท็จจริงด้วย คนสองคนเดินเข้าห้องไปด้วยกันมันสมยอมอยู่แล้ว”

หลังจับกุมตัว ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนสน.ดอนเมือง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย