svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

กรรมการสอบวินัยร้ายแรง เตรียมเรียก "บิ๊กโจ๊ก" กับพวก รับทราบข้อกล่าวหา 7 พ.ค. นี้

29 เมษายน 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

กรรมการสอบวินัยร้ายแรง เตรียมเรียก "บิ๊กโจ๊ก" กับพวก รับทราบข้อกล่าวหา 7 พ.ค. นี้ ด้าน "รอง ผบ.ตร." ประธานสอบฯ ยัน ทำตามระเบียบ-กฎหมาย ไม่มีใครชี้นำได้

29 เมษายน 2567 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รอง ผบ.ตร. ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล พร้อมพวกรวม 5 คน ทำผิดวินัยร้ายแรง จนถูกออกจากราชการไว้ก่อน โดยการประชุมในวันนี้ถือเป็นการประชุมครั้งแรก หลังจากที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบ.ตร. เซ็นคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้

พล.ต.อ.สราวุฒิ กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมนัดแรก เพื่อวางกรอบและแนวทางในการสอบสวน โดยได้มอบหลักการและแนวทางปฎิบัติ โดยยึด 2 ข้อหลัก คือ ระเบียบและกฎหมาย รวมถึงให้ความเป็นธรรมผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งจะมีการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดภายใน 15 วัน และจะมีการทำหนังสือแจ้งผู้ถูกกล่าวหา ให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามที่เคยถูกแจ้งข้อกล่าวหากับคณะกรรมการฯ ภายในวันที่ 7 พฤษภาคม นี้

จากนั้นคณะกรรมการฯ จะรวบรวมหลักฐานทั้งหมดภายใน 60 วัน หลังจากแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งกรอบระยะเวลาทั้งหมด รวมการขอขยายเวลาอยู่ที่ 270 วัน หรือ ประมาณ 8 เดือน

กรรมการสอบวินัยร้ายแรง เตรียมเรียก \"บิ๊กโจ๊ก\" กับพวก รับทราบข้อกล่าวหา 7 พ.ค. นี้

ผู้สื่อข่าวถามว่าคณะกรรมการการสอบสวน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พร้อมพวก กรณีผิดวินัยร้ายแรง จะพิจารณาแล้วเสร็จทันก่อนที่ท่านจะเกษียณในเดือนกันยายน ปีนี้หรือไม่ พล.ต.อ.สราวุฒิ กล่าวว่า จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง โดยเราพยายามรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบทั้งหมด และจะทำหนังสือถึงคณะกรรมการชุดต่างๆที่สอบเรื่องนี้ เช่น เอกสารทางคดีอาญา และผลการสอบสวนจากชุดคณะกรรมการต่างๆมาประกอบสอบสวน และจะดำเนินการสอบสวนกับบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

ถามว่าวันนี้ได้มีการพูดคุยกับหนึ่งในคณะกรรมการฯ ที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ทำหนังสือคัดค้านถึงความไม่เป็นกลางหรือไม่ พล.ต.อ.สราวุฒิ กล่าวว่า ได้มีการหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดคุยกันอยู่ ซึ่งเรื่องนี้สามารถคัดค้านได้ แต่จะต้องไปดูว่าอยู่ในกรอบของการคัดค้านหรือไม่ ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็สามารถทำได้ แต่ขึ้นอยู่ดุลยพินิจของรักษาการ ผบ.ตร. หากมองว่าไม่กระทบ ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนก็ได้

ถามว่ากรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พูดถึงคณะกรรมการฯ ชุดนี้ไม่เคยเรียกสอบเลยนั้น พล.ต.อ.สราวุฒิ กล่าวว่า คดีนี้มีทั้งโทษวินัยและอาญา ซึ่งตนมีหน้าที่ในการสอบสวนทางวินัย ถือว่าคณะของตนเองต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ หรือเริ่มทำการสอบสวนใหม่ทั้งหมด ที่จะต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐาน แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาแบบ 100% จึงจำเป็นต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด ก่อนจะนำไปวินิจฉัยว่าถูกหรือผิด

รอง ผบ.ตร. กล่าวยืนยันว่า ตนเองและคณะกรรมการฯ ไม่มีความหนักใจในการสอบสวนเรื่องนี้ เพราะเราทำภายใต้กรอบระเบียบของกฎหมาย ส่วนจะแล้วเสร็จเร็วหรือช้า ไม่สามารถตอบได้ ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แสดงว่าจะไม่แล้วเสร็จก่อนท่านเกษียณหรือไม่ พล.ต.อ.สราวุฒิ ตอบว่า "ใช่" ส่วนการสอบสวนของคณะกรรมการชุดนี้ไม่แล้วเสร็จทันก่อนที่ตนเองจะเกษียณ ก็เป็นหน้าที่ของประธานคณะกรรมการฯ คนต่อไป ซึ่งใครที่มารับช่วงต่อ ก็เชื่อว่าจะสามารถทำงานได้อย่างสบายใจ

กรรมการสอบวินัยร้ายแรง เตรียมเรียก \"บิ๊กโจ๊ก\" กับพวก รับทราบข้อกล่าวหา 7 พ.ค. นี้

ถามอีกว่าหากการสอบยังไม่แล้วเสร็จ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะยังเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร. ได้อยู่หรือไม่ พล.ต.อ.สราวุฒิ กล่าวว่า เป็นคำถามที่ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะตอนนี้เจ้าตัวโดนออกจากราชการไว้ก่อน และการสอบวินัยยังไม่แล้วเสร็จ ตราบใดที่คำสั่งและผลการสอบสวนยังไม่ถึงที่สิ้นสุด ก็ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และการออกราชการของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังไม่ 100% แต่หากผลออกสมบูรณ์เมื่อไหร่ ก็เท่ากับว่าไม่มีสิทธิ์เป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.

พล.ต.อ.สราวุฒิ กล่าวอีกว่า ตนมีหน้าที่แค่หาข้อเท็จจริงมาประกอบการพิจารณาว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกหรือผิด ซึ่งยืนยันว่าการสอบสวนคดีนี้ ไม่มีใครสามารถมาชี้นำคณะของตนเองได้ ซึ่งการที่ รรท.ผบ.ตร.เลือกให้ตนมาเป็นประธานคณะกรรมการชุดนี้ มองว่าท่านคงเห็นว่าตนเป็นคนกลาง มีนิสัยและอุดมการณ์ จึงเลือกตน ซึ่งยอมรับว่าตอนแรกตกใจที่ทราบเรื่อง เพราะตนเองใกล้จะเกษียณแล้ว แต่เมื่อมาคิดดูอีกที ก็เชื่อว่าอาจจะมีความจำเป็นจริงๆ

"ผมยืนยันและประกาศว่า ไม่มีใครมาชี้นำผมได้" พล.ต.อ.สราวุฒิ กล่าว

logoline