
นิยามของ “พ่อบ้านสีกากี” คืออะไร?
หากพูดถึง “พ่อบ้าน” หลายคนอาจจะนึกถึง หัวหน้าครอบครัว หรือ ผู้ชายที่ทำหน้าที่คอยดูแลความสะดวกสบาย ความเรียบร้อยภายในบ้าน
พจนานุกรม ราชบัณฑิตนสถาน ให้ความหมาย “พ่อบ้าน” ไว้ว่า “ชายที่เป็นหัวหน้าครอบครัว ชายผู้จัดการงานธุรการในสถานที่ เช่น โรงพยาบาล” เป็นคำที่คู่กับ “แม่บ้าน”
แต่คำว่า “พ่อบ้าน” ในแวดวงสีกากี คงมีความหมายที่มากไปกว่านั้น ไม่ใช่แค่การดูแลดูความเรียบร้อย แต่มีหน้าที่คอยทำงานให้กับ “เจ้านาย” หรือเรียกให้ชัดไปเลยว่า ทำงานให้กับ “บิ๊กตำรวจ”
แวดวงการสีกากีนั้น “พ่อบ้าน” เป็นตำแหน่งที่หลายคนอยากมาทำหน้าที่ เพราะนอกจากจะมีผลประโยชน์มหาศาล ยังได้ชื่อว่าเป็น เด็กนาย เหมือนมีอภิสิทธิ์คุ้มตัว แม้จะมียศน้อย แต่นายตำรวจใหญ่ๆก็ไม่มีใครอยากมีปัญหาด้วย
บทบาท “พ่อบ้าน” ยุคเว็บพนันออนไลน์เฟื่องฟู
ในอดีต พ่อบ้าน ของนายตำรวจระดับสูง ส่วนมากจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทา ทั้งบ่อนการพนัน หวยใต้ดิน และสถานบันเทิง คอยทำหน้าที่เดินสายจัดเก็บรายได้ รวมทั้งคอยควบคุมกิจการต่างๆไม่ให้ตกเป็นเป้าสายตาสังคมมากนัก ในทุกเดือนจะทำหน้าที่ "เก็บซอง" ส่งต่อให้เจ้านาย ที่เป็น นายตำรวจระดับบิ๊ก มีการส่งต่อผลประโยชน์กันตั้งแต่ระดับสถานีตำรวจ ไปจนถึงระดับที่สูงขึ้นไป
สิ่งสำคัญบทบาทของ “พ่อบ้าน” ในอดีต อาจสำคัญถึงขั้นชงข้อมูล นายตำรวจ เพื่อจัดโผโยกย้าย ให้คนในสังกัดตัวเองไปอยู่ในพื้นที่ทำเลทองในการเรียกรับผลประโยชน์กันทีเดียว
สำหรับบทบาท “พ่อบ้าน” ในยุคปัจจุบัน ที่การติดต่อสื่อสารรวดเร็วดั่งพลิกผ่ามือ มีความเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ "เว็บพนันออนไลน์" เฟื่องฟู ท่องเว็บเมื่อใดก็ไม่พ้นที่จะต้องเจอเว็บไซต์เหล่านี้เต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นแบนเนอร์โฆษณา หรือแม้กระทั่งเว็บไซต์ดูหนังฟรีต่างๆล้วนแล้วมีเครือข่ายเกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์แทบทั้งสิ้น
“เว็บพนันออนไลน์” จึงถือเป็น “อาหารจานโต” ที่ถูกตักตวงผลประโยชน์อย่างเต็มอิ่ม ได้น้ำได้เนื้อแบบเป็นกอบเป็นกำ
ศึกสีกากี สาวไส้เส้นทาง "ส่วยเว็บพนัน"
การจับกุมคดีเว็บพนันออนไลน์ "มินนี่" ขยายผลต่อเนื่องมาจนถึง "BNK Master" และ "VENUS Master" ถือเป็นการจุดศึกสีกากีในวันนี้ โดยเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.2566 ตำรวจเมื่อนำหมายศาลลุยค้น 7 จุด ในกรุงเทพและสงขลา รวบผู้ดูแลเว็บในความผิดฐานฟอกเงิน พร้อมพนักงานการตลาด พบเงินหมุนเวียนกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งพบ "พ.ต.ท." ลูกน้องคนสนิทบิ๊กตำรวจคนดัง มีเอี่ยวถูกออกหมายจับด้วย
หลังจากนั้น ข้อมูลการเงินต่างๆมากมายที่ถูกเชื่อมโยงด้วย “บัญชีม้า” ถูกนำมาพาดพังถึงระดับบิ๊กตำรวจอย่างต่อเนื่อง มีการขุดคุ้ยโยงความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างเจ้าของเว็บพนันกับตำรวจในระดับต่างๆ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ค้นบ้าน “บิ๊กโจ๊ก” ลามไปจนถึงความพยายามออกหมายจับฐายสมคบฟอกเงิน แต่ศาลมองว่าควรออกหมายเรียก เนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง แรงสั่นสะเทือนส่งผลเกิดร้อยร้าวในวงการสีกากีที่มิอาจปฏิเสธได้
“อาฟเตอร์ช็อก” รุนแรงขึ้น เมื่อมีการแยกคดี “BNK Master” เพื่อออกหมายเรียก “บิ๊กโจ๊ก” ในข้อหา “สมคบร่วมกันฟอกเงิน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงินฯ” ซึ่งส่งผลให้มีการแถลงข่าว 2 ครั้งจากทีมทนายของบิ๊กโจ๊ก และ “ทนายตั้ม” สะท้อนภาพ "พ่อบ้าน" เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลกระโยชน์
“ทนายตั้ม” เปิดบทบาท "พ่อบ้าน" เก็บตั๋วเว็บพนัน
ในการแถลงข่าวของ “ทนายตั้ม” สะท้อนบทบาท “พ่อบ้าน” ของบิ๊กตำรวจได้อย่างแจ่มชัด โดยเริ่มจากตัวละคร 3 ราย แบบไม่มีเกรงกลัวว่าจะถูกฟ้องกลับ ดังนี้
พร้อมทั้งพาดพิงไปถึง 3 หน่วยงานของตำรวจ ได้แก่ กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ หรือ คอมมานโด, กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) และ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ โดยพุ่งเป้าไปที่ ปคม. และ ตำรวจไซเบอร์ เพราะถือเป็นหน่วยงานที่มีผลประโยชน์มหาศาล
“พ่อบ้าน” จะทำหน้าที่เก็บส่วย เก็บผลประโยชน์ หรือจะเรียกกันว่า “ขายตั๋ว” ซึ่งกลุ่มเป้าหมายในการเก็บส่วย หรือ ขายตั๋ว จากอำนาจของทั้ง 3 หน่วยงาน มีสิ่งผิดกฎหมาย 18 กลุ่ม ดังนี้
สำหรับรูปแบบการขายตั๋ว แบ่งเป็นภาค ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคใต้ สำหรับ ทีมภาคตะวันออก (ตำรวจภาค 2 นครบาล 1,4, ปทุมธานี) ทำรายได้มากที่สุด
หัวหน้าชุดทุกทีมเป็นตำรวจชั้นประทวน ยศดาบ จ่า ทำหน้าที่ “พ่อบ้าน” คอยเก็บค่าตั๋ว มียอดการจัดเก็บเดือนละหลักร้อยล้านบาท ส่งยอดให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงทุกวันที่ 25 ของเดือน โดยไปส่งยอดกันที่ตึก บช.สอท. ที่โต๊ะของ "รองฟาง"
เส้นทางเงินจาก "พ่อบ้าน" ถึงใครบ้าง?
ทนายตั้ม เปิดเส้นทางการเงิน บัญชีม้าของ "รองฟาง" ซึ่งถือบัญชีม้าชื่อว่า "คชาชาญ" รวมไปถึง "ดาบยาว" ซึ่งถือบัญชีม้าชื่อว่า "ณัฐพงศ์" และยังมีบัญชีม้าอีก 2 อัน ที่เจ้าของบัญชีเสียชีวิตไปแล้ว แต่ยังมีคนสามารถทำธุรกรรมได้
จากนั้นได้เปิดพฤติกรรมของ "ทีมพ่อบ้าน" ในการเก็บค่าตั๋ว หรือ เก็บส่วย รวมทั้งหลักฐานการโอนเงิน แชทไลน์ ภาพจากกล้องวงจรปปิดขณะไปกดเงิน หรือโอนเงินไปให้บุคคคลที่เกี่ยวข้องในระดับต่างๆ รวมทั้งหลักฐานการไปดื่มกินและนำบิลมาเบิกอีกด้วย
ทนายตั้ม เปิดฉากการเชื่อมโยงข้อมูลเส้นเงินของ "พ่อบ้าน" กับเว็บพนัน BNK Master และ Venus Master โดยมีตัวละครสำคัญ "พิมพ์วิไล" ผู้ถูกดำเนินคดี และโดนเงินไปบัญชีม้าชื่อ "คชาชาญ" ซึ่งเป็นบัญชีที่ "รองฟาง" ถืออยู่
จากนั้นเส้นเงินจากบัญชีม้า ได้ถูกโอนไปที่ตำรวจ 5 คน และ โอนให้บัญชีของ "ณัฐพงศ์" ซึ่งเป็นบัญชีม้าที่ "ดาบยาว" ถืออยู่ จากเส้นเงินของณัฐพงศ์ บัญชีม้าที่ดาบยาว ถืออยู่ ถูกโอนไปที่ ลูกสาว เมีย และคนสนิทของดาบยาว
ไม่เพียงเท่านั้น บัญชีม้านี้ ยังโอนเงินไปให้อีก 3 คน ที่นามสกุลเดียวกับ "บิ๊กต่อ" รวมไปถึงผู้สื่อข่าว สมาคมนักข่าวฯ และตำรวจอีก 3 นาย
ทนายตั้ม ยังได้บอกอีกด้วยว่า บัญชีม้า "คชาชาญ" ยังโอนไปทำบุญสร้างวิหารวัดนครอินทร์ 7 แสนบาท โดยได้เปิดภาพประธานในพิธี คือ ผบ.ตร. และตั้งคำถามว่า ทำไมบัญชีม้าเว็บพนันจึงโอนไปทำบุญกฐินได้
นอกจากนี้ยังเปิดหลักฐานสำคัญคือ ภาพวงจรปิดการไปกดเงิน การโอนเงิน ผ่านตู้เอทีเอ็ม และหน้าเคาเตอร์ธนาคาร รวมทั้งแชทไลน์ที่มีทั้งรูปสลิปเงิน เงินสด หรือรายงานการทำงานทั้งหมดถึง "เจ้านาย" ของ "พ่อบ้าน"
เส้นทางการเงินทั้งหมดถือเป็นวิทยาศาสตร์ ตรวจสอบได้ ซ้ำยังแก้ไขอะไรไม่ได้ ทั้งหมดล้วนถูกดำเนินการผ่านตัวกลางคือ "พ่อบ้าน" ทั้งสิ้น ดังนั้นบทบาท "พ่อบ้าน" ถือว่าสำคัญไม่น้อย เป็นผู้กุมความลับและผลประโยชน์ "เจ้านาย"
แต่สุดท้าย "พ่อบ้าน" จะถึงขั้นยอมรับผิดแทน "เจ้านาย" ได้หรือไม่? คงต้องติดตาม มหากาพย์ศึกสีกากี กันต่อไป