เป็นข่าวช็อกสะเทือนวงการสีกากี กรณีที่วันนี้ (20 มี.ค. 67) นายกรัฐมนตรี "เศรษฐา ทวีสิน" มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เข้ามาช่วยราชการ ที่สำนักนายกรัฐมนตรี
ภายหลังเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายกฯ ได้เรียกทั้งคู่ เข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาล และปรากฏภาพ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แถลงข่าวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกาศยืนยัน ไม่มีความขัดแย้งส่วนตัว หรือ ขัดแย้งภายในองค์กร จากปมคดีเว็บพนันออนไลน์ วอนสื่ออย่าเสนอข่าวไปในทางที่ทำให้องค์กรแตกแยกก็ตาม
ส่วนผู้ที่จะมาทำหน้าหน้าที่รักษาราชการแทน ผบ.ตร.นั้น นายกฯ ได้มีคำสั่งมอบหมายให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ. ตร. ทำหน้าที่ดังกล่าว พร้อมเรียกให้เข้าพบที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการปฏิบัติหน้าที่
Nation STORY จะพาไปดูประวัติของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ผู้ที่จะมาทำหน้าที่รักษาการ ผบ.ตร. ว่า มีปูมหลัง ประวัติการทำงานอย่างไร ทำไมถึงได้รับความไว้วางใจ ให้มาทำหน้าที่นี้
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ชื่อเล่น "ต่าย" เกิดวันที่ 8 ธ.ค. 2508 จบมัธยมศึกษาที่ โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จว.ราชบุรี ปริญญาตรี จากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 41 นักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 25
โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เป็นรอง ผบ.ตร. ที่มีอาวุโสรองจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ซึ่งเมื่อหากเรียงความอาวุโส 4 แคนดิเดต ในศึกชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. คนที่ 15 ต่อจาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จะมีดังนี้
ประวัติรับราชการที่สำคัญ
ปัจจุบัน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบหน้างานป้องกันและปราบปราม ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปทส.ตร.) , ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.)
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า คำสั่งนายกรัฐมนตีให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เข้ามาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี และมอบหมายให้ตน รักษาราชการแทน ผบ.ตร. นั้นเป็นความจริง และหนังสือคำสั่งฉบับดังกล่าว จะต้องส่งฉบับจริงมาที่สำนักเลขานุการตำรวจแห่งชาติในวันนี้ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
อย่างไรก็ตาม วันนี้ตนจะยังไม่เข้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากติดภารกิจอบรมหลักสูตรคืนความยุติธรรมให้กับประชาชน และในวันพรุ่งนี้ (21 มี.ค.) เวลา 08.00 น. นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมกับเรียกข้าราชการตำรวจระดับผู้บัญชาการทั่วประเทศ มาให้นโยบายในการปฏิบัติหน้าที่