29 มกราคม 2567 พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (รอง ผบช.สอท.) ประชาสัมพันธ์วิธีการตั้งค่าเพื่อปกป้อง iPhone จากลิงก์อันตราย และแอปพลิเคชันดูดเงิน ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ 2 ขั้นตอน ดังนี้
เมื่อเปิดการใช้งานโหมดล็อกดาวน์แล้ว อาจจะไม่สามารถใช้งานคุณสมบัติของแอปฯ บางส่วนได้ เช่น ไม่ปรากฏภาพพรีวิวจากลิงก์ต่างๆ หรือผู้ที่ไม่เคยติดต่อกันมาก่อน จะไม่สามารถใช้ FaceTime ติดต่อหาท่านได้
แต่การเปิดล็อกดาวน์โหมดจะช่วยให้ท่านปลอดภัยจากการเผลอไปกดลิงก์อันตราย, Spyware หรือ ถูกหลอกให้ติดตั้ง Configuration Profiles ซึ่งจะทำให้คนร้ายสามารถเข้าไปควบคุม iPhone ของท่านจากระยะไกลได้ ดังนั้น ท่านต้องตัดสินใจว่าจะเลือกความสะดวกในการใช้งาน หรือเลือกความปลอดภัย
นอกจากนี้ ท่านยังสามารถปิดการใช้งานโหมดล็อกดาวน์ชั่วคราว เพื่อให้สามารถใช้งานคุณสมบัติบางส่วนของแอพพ์ต่างๆ ได้ แล้วค่อยกลับมาเปิดใช้งานโหมดล็อกดาวน์ในภายหลังได้เช่นกัน
พล.ต.ต.นิเวศน์ กล่าวอีกว่า ภัยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระบาดหนักให้ระวังมิจฉาชีพในโลกออนไลน์ โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีคดีมากกว่า 400,000 คดี มูลค่าความเสียหายรวมกันมากกว่า 54,000 ล้านบาท และเฉพาะเดือนมกราคม ปีนี้ มียอดความเสียหายแล้วกว่า 100 ล้านบาท โดยมีการหลอกลวงสารพัดรูปแบบ ได้แก่
1. หลอกให้กู้เงิน หลอกให้ซื้อของ หรือ หลอกให้จองที่พักผ่านทางออนไลน์ โดยใช้เพจเฟซบุ๊กปลอม เลียนแบบเพจของจริง (เป็นคดีอันดับที่ 1 มีผู้แจ้งความผ่านระบบออนไลน์มากที่สุด)
2. หลอกให้รัก แล้วชักชวนให้ทำภารกิจ หรือ หลอกให้ลงทุนในแอปฯ ของปลอม ซึ่งได้ผลตอบแทนสูงมาก จนทำให้เกิดความโลภ โดยในระยะแรกอาจถอนเงินออกมาได้บางส่วน แต่ถ้าจะถอนเอาผลตอบแทนออกมาทั้งหมด จะต้องโอนเงินเพิ่มเติมเพื่อให้ครบตามเงื่อนไข เช่น กรณีปลอมเพจบริษัท หรือ บุคคลที่มีชื่อเสียง โดยหลอกชักชวนให้ร่วมลงทุนต่างๆ (เป็นคดีที่มีความเสียหายมากที่สุด)
3. ส่ง SMS หรือ โทรศัพท์เข้ามาหลอกลวง เนื่องจากคนร้ายรู้ข้อมูลส่วนตัวของประชาชนและสามารถปลอมเบอร์โทรศัพท์ได้ จึงทำให้คนส่วนใหญ่หลงเชื่อผู้ที่แอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานต่าง ๆ และใช้กลอุบายหลอกลวง เช่น
หลังจากเหยื่อหลงเชื่อว่า เป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ แล้ว คนร้ายจะหลอกให้เพิ่มเป็นเพื่อนในไลน์ของหน่วยงานปลอม แล้วหลอกให้กดลิงค์เพื่อติดตั้งแอปฯ ดูดเงิน จากเว็บไซต์ปลอม
เพื่อเป็นการป้องกันภัยออนไลน์ โปรดจำไว้ว่า "หากเป็นเจ้าหน้าที่จริงแล้ว จะไม่มีการขอให้เพิ่มเพื่อนในไลน์ และไม่มีการขอให้โอนเงินเพื่อตรวจสอบความบริสุทธิ์"
ส่วนการตรวจสอบสายเรียกเข้าว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่นั้น เบื้องต้นท่านสามารถตัดสายขณะกำลังพูดคุย เพื่อแกล้งทำสายหลุด แล้วทดลองโทรกลับทันที หากไม่มีผู้รับสาย หรือ สายไม่ว่าง ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะคนร้ายจะใช้อุปกรณ์ SIM Box ในการโทรผ่านอินเทอร์เน็ตเพื่อให้สามารถปลอมเบอร์โทรศัพท์ได้ จึงไม่มีช่องทางในการรับสายได้
ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันการหลอกลวงจากภัยออนไลน์ ก่อนที่จะโอนเงินในการซื้อของออนไลน์, ให้ยืมเงิน, กู้เงิน, สมัครทำภารกิจ หรือ ร่วมลงทุนในทุกกรณี ควรจะต้องขอเบอร์โทรศัพท์ และสามารถโทรติดต่อไปคุยด้วยก่อนตัดสินใจโอนเงินให้เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ห้ามลงทุนตามโฆษณา หรือ คำชักชวนของบุคคลที่รู้จักในโลกออนไลน์โดยเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยของท่าน
ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัย ต้องการคำปรึกษา หรือแจ้งความคดีออนไลน์ผ่านทางโทรศัพท์กรุณาติดต่อตำรวจไซเบอร์ ได้ที่สายด่วนศูนย์ AOC 1441 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
กรณีถูกหลอกให้โอนเงินและยังไม่สามารถติดต่อสายด่วน 1441 ได้ให้รีบโทรศัพท์แจ้งอายัดเงินในบัญชีธนาคารผ่านทางสายด่วนของธนาคารต้นทางที่ท่านใช้ในการโอนเงินก่อนได้ทันทีด้วยเช่นกัน โดยท่านสามารถค้นหาสายด่วนของทุกธนาคาร และแจ้งความคดีออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ www.ThaiPoliceOnline.go.th เท่านั้น