svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

"เสี่ยแป้ง นาโหนด"แหกคุก สั่นสะเทือนยุติธรรมไทย บทสรุปจะลงเอยอย่างไร?

01 มกราคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"เสี่ยแป้งแหกคุก" ถือเป็นคดีใหญ่มากของปี 2566 สร้างแรงสั่นสะเทือนกระบวนการยุติธรรมไทย ไล่ตั้งแต่ข้าราชการฝ่ายปกครอง ตำรวจ ศาล และกรมราชทัณฑ์ ต้องจับตาอีกยาวว่า บทสรุปเรื่องนี้จะลงเอยอย่างไร เพราะจนถึงวันนี้เข้าสู่ปี 2567 แล้ว แต่ยังจับ "เสี่ยแป้ง" ไม่ได้

  วางแผนแยบยล แหกคุกหนีจากโรงพยาบาล  
กลางดึกวันที่ 22 ต.ค.66 นายเชาวลิต ทองด้วง อายุ 37 ปี หรือ "เสี่ยแป้ง นาโหนด" แหกคุกหลบหนีขณะเข้ารักษาตัวที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ทั้งที่ขาสองข้างใส่ตรวนเหล็กไว้ แต่กลับสะเดาะตรวนหนีไป ทั้งที่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ 2 คน เฝ้าอยู่ เจ้าหน้าที่สั่งระดมกำลังไล่ล่าตัวอย่างเต็มกำลังทั้งคืน แต่ไร้วี่แวว 

สำหรับช่วงเวลาก่อนการหลบหนีนั้น เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม มีอดีตนักการเมืองจาก จ.พัทลุง และตำรวจ เดินทางไปเยี่ยม หลังจากนั้นเจ้าตัวได้พบแพทย์เพื่อนัดรักษาทันตกรรม แต่แพทย์ขอเลื่อน แล้วแกล้งวูบหมดสติ นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยมีกำหนดการออกจากโรงพยาบาลวันที่ 22 ตุลาคม จากนั้นก็ก่อเหตุแหกคุก

เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล พบว่า ลูกน้องคนสนิทของเสี่ยแป้ง พาเสี่ยแป้งหลบหนี โดยลงลิฟต์จากชั้น 6 ของตึกอายุรกรรม ลงมาที่ลานห้องโถงชั้น 1 ในช่วง 1 นาฬิกาเศษ นายเชาวลิต อยู่ในชุดสวมเสื้อยืดแขนยาวสีดำ นุ่งกางเกงขาสามส่วนสีดำ สวมรองเท้าผ้าใบสีขาว โดยหลังจากออกจากลิฟต์แล้ว ได้หลบหนีออกจากตึกอายุรกรรมทันที

จากการตรวจสอบเส้นทางหลบหนี ภาพวงจรปิดจับภาพรถยนต์ที่ใช้พาหนี ทั้งหมด 3 คัน ประกอบด้วย

  • รถกระบะ มิตซูบิชิ สีขาว
  • รถกระบะ อีซูซุ สีขาว
  • รถเก๋ง ฮอนด้า รุ่นซีวีค สีดำ 
     

  ส่องประวัติ “เสี่ยแป้ง นาโหนด”  
นายเชาวลิต เป็นชาวตำบลท่าแค อ.เมือง จ.พัทลุง มีอาชีพเปิดอู่ซ่อมรถ อยู่ในพื้นที่ตำบลท่าแค ซึ่งเป็นอู่ซ่อมรถชื่อดังที่คนพัทลุงรู้จักกันดี และนับเป็นคนดังคนหนึ่ง มีประวัติลงเล่นการเมืองท้องถิ่น ลงสมัคร ส.อบจ. จังหวัดพัทลุง เมื่อปี 2562 แต่สอบตก รวมทั้งมีชื่อเสียงในวงการนักเลง

นิสัยใจคอของ “เสี่ยแป้ง” เป็นคนพูดเพราะ แม้กับลูกน้องก็พูดจาดี ไม่ก้าวร้าว แต่ที่น่าสนใจคือ บรรดาลูกน้องของเสี่ยแป้งส่วนใหญ่มักจะเข้าไปพัวพันเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและอาวุธปืน จนมีคดีความอยู่หลายคดีทีเดียว

เปิดประวัติอาชญากรรม “เสี่ยแป้ง” 
ก่อนถูกคุมขัง เสี่ยแป้ง คดีความในชั้นศาลอยู่หลายคดี แต่คดีที่ทำให้ถูกตัดสินจำคุก 20 ปี 6 เดือน คือ คดีที่ร่วมกับพวกเข้าปล้นผู้ต้องหาจากตำรวจสืบสวน กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ขณะจับกุมคดียาเสพติด และยังมีคดีเกี่ยวกับยาเสพติด คดีอาวุธปืน และคดีอื่นๆ 11 คดี ดังนี้
ปี 2550 มี 2 คดี คือ เดือน ม.ค. ก่อเหตุฆ่าผู้อื่น ฆ่าตำรวจ เหตุเกิด สภ.เมืองพัทลุง และ เดือน ธ.ค. คดีครอบครองอาวุธปืนไม่มีทะเบียน 
ปี 2551 มี 2 คดี เดือน เม.ย. คดีพยายามฆ่า เหตุเกิดพื้นที่ สภ.เมืองพัทลุง ไม่กี่วันถัดมาก็ก่อเหตุพยายามฆ่าผู้อื่นในพื้นที่ สภ.เมืองพัทลุงอีก 
ปี 2552 เดือน ก.พ. คดีพกพาอาวุธปืน กระสุนปืน วัตถุระเบิด และเดือน มี.ค. คดีบุกรุกในเวลากลางคืน เหตุเกิดพื้นที่ สภ.เมืองพัทลุง 
ปี 2554 เดือน ต.ค. คดี พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ เหตุเกิดพื้นที่ สถ.เมืองพัทลุง 
ปี 2559 คดีฆ่าผู้อื่น เหตุเกิด สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช 
ปี 2560 เดือน พ.ย. คดีฆ่าผู้อื่น เหตุเกิด สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช 
ปี 2562 เดือน ก.ย. คดีพยายามฆ่าตำรวจ ภาค 8 เหตุเกิด สภ.นาขยาด จ.พัทลุง และคดีพยายามฆ่าผู้อื่น พยายามฆ่าตำรวจทางหลวงพัทลุง เหตุเกิด สภ.เมืองพัทลุง

ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.2566 ศาลชั้นต้นจังหวัดพัทลุง พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต "เสี่ยแป้ง นาโหนด" พร้อมพวก คดีร่วมกันพยายามสังหารเจ้าพนักงานเมื่อปี 62 

  ตำรวจตามรวบทีมพาหนีได้ยกแก๊ง   
คดีนี้ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้แล้ว 6 ราย ก่อนจับกุมตัวได้ทั้งหมด ดังนี้

  • นายจักรี หรือ บิ๊ก แป้นน้อย อายุ 41 ปี
  • นายจีรวุฒิ หรือ ปอย หรือ ลูกวัว ชุมศรี อายุ 31ปี
  • น.ส.วิลาวัลย์ หรือ ไหม หมื่นรักษ์ อายุ 32 ปี 
  • น.ส.ยุวเรศ หรือ หม๋วย กลศึก อายุ 26 ปี 
  • นายคเณศ หรือ บอย ทองประจง อายุ 28 ปี 
  • น.ส.วิลาวัลย์ หรือ ทราย บุญจันทร์ อายุ 30 ปี ภรรยาของนายจักกรี

ต่อมาตำรวจแกะรอยการหลบหนีจากคำให้การของลูกน้อง กระทั่งพบแบะแสว่า เสี่ยแป้ง หลบหนีไปอยู่พื้นที่ บ้านตระ รอยต่อจังหวัดตรัง พัทลุง และสตูล บนเทือกเขาบรรทัด พร้อมทั้งจับกุมคนส่งเสบียงได้ ทำให้รู้พิกัดกบดานที่ชัดเจน จึงเตรียมบุกขึ้นไปจับกุมตัว

  "เสี่ยแป้ง" ไหวตัวหนีไปได้ ก่อนเปิดฉากแฉ  
ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 8 พ.ย.66 เมื่อเจ้าหน้าที่รู้แหล่งกบดาน ได้ระดมกำลังไปจับกุม แต่เนื่องจากสภาพพื้นที่เทือกเขาบรรทัด เต็มไปด้วยป่าและเส้นทางยากลำบาก กว่าที่เจ้าหน้าที่จะไปถึงตัว เสี่ยแป้ง สามารถหลบหนีไปได้

ในวันดังกล่าวในช่วงแรกมีกระแสข่าวว่า "วิสามัญเสี่ยแป้ง" หลังจากเกิดการปะทะอย่างดุเดือด แต่ในภายหลังเสี่ยแป้งออกมายืนยันว่า ทุกอย่างไม่เป็นความจริง เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายถอยร่น ยิงขู่เพื่อหลบหนี ไม่ได้หวังยิงปะทะเอาชีวิตเจ้าหน้าที่ ซึ่งยังคงเป็นที่สงสัยว่า เรื่องจริงเป็นเช่นใด

หลังภารกิจบนเทือกเขาบรรทัด ตำรวจระดมสรรพกำลังทุกอย่างไล่ล่าเสี่ยแป้ง ไม่ว่าจะทางอากาศและภาคพื้นดิน รวมทั้งการตั้งด่านสกัดโดยรอบ ประเมินการใช้งบฯสูงถึงวันละนับแสนบาท แต่ก็ไม่สามารถควานหาตัวพบ

  ปล่อย 3 คลิปแฉแหลกกระบวนการยุติธรรม  
หลังหลบหนีลงจากเขาบรรทัด "เสี่ยแป้ง" เคลื่อนไหวส่งสัญญาณว่ายังมีชีวิตอยู่ ด้วยการปล่อยวิดีโอทั้งหมด 3 คลิป โดยคลิปแรกส่งผ่านผู้สื่อข่าวในพื้นที่ 

คลิปแรกนี้ ความยาว 04.36 นาที เสี่ยแป้ง สวมเสื้อสีดำ สวมหมวก หน้าตาเกลี้ยงเกลา มีฉากหลังเป็นสวนปาล์ม เปิดใจถึงสาเหตุที่แหกคุก เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม

เสี่ยแป้ง บอกว่า คดีที่ถูกจำคุกมีผู้ร่วมวางแผน และก่อเหตุ 7 คน ได้แก่ ตนเอง, อัยการ บ., นายจรวด หลานอัยการ บ., ประธาน ต., จ่าติ๊ก, นาย ต., และ จ่าสิบเอก ต. แต่พนักงานอัยการจังหวัดพัทลุง สั่งฟ้องแค่ตนเอง และนายจรวด ซึ่งนายจรวด ถูกแจ้งข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฎิบัติหน้าที่ แต่กลับได้รับการประกันตัว ส่วนอีก 5 คน สั่งไม่ฟ้อง ทั้งที่ร่วมวางแผนและเป็นต้นเหตุที่แท้จริง

เสี่ยแป้ง บอกอีกว่า ตนเองถูกอัยการ บ. หลอกว่านายจรวด ถูกเครือข่ายยาเสพติดอุ้มไป แต่มาทราบภายหลังว่าเป็นการจับกุมโดยตำรวจ และขอยืนยันตนเองไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

สำหรับคลิปที่ 2 และ 3 นั้น "เสี่ยแป้ง" ปล่อยคลิป 2 ถึงกระบวนการยุติธรรมไทย ยืนยันไม่มอบตัว หากอัยการคู่กรณียังลอยนวล นอกจากนี้ยังวิพากษ์ศาล ถึงหลักเกณฑ์ปล่อยชั่วคราวผู้ที่ถูกดำเนินคดี 

นอกจากนี้ ยังได้ส่งจดหมายด้วยลายมือ แฉยับตำรวจ อัยการ เรียกรับเงิน สื่อสารถึงนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และผู้ช่วยรัฐมนตรี ร้องเรียน 7 ข้อ ซึ่งสร้างแรงเขย่ากระบวนการยุติธรรมอย่างรุนแรง ถึงขั้นกระทรวงยุติธรรมออกมาประกาศว่า พร้อมให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่

  กระบวนการยุติธรรมไทย ในสายตาประชาชน   
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เมื่อ 10 ธ.ค.66 เรื่อง “แป้ง นาโหนด กับกระบวนการยุติธรรมไทย” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-7 ธันวาคม 2566

ผลสำรวจประชาชน ระบุคดี "แป้ง นาโหนด" กระทบกระบวนการยุติธรรมไทยอย่างสูง ชี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรตรวจสอบ ข้อร้องเรียนของ "แป้ง นาโหนด" พร้อมทั้งให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ประเด็น ผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย หรือไม่ ตั้งแต่การหลบหนี "แหกคุก" กระทั่ง อัดคลิปร้องขอความเป็นธรรมของ “แป้ง นาโหนด” พบว่า 

  • ร้อยละ 42.20 ระบุว่า ส่งผลกระทบอย่างมาก
  • ร้อยละ 37.85 ระบุว่า ค่อนข้างส่งผลกระทบ
  • ร้อยละ 9.07 ระบุว่า ไม่ค่อยส่งผลกระทบ
  • ร้อยละ 8.46 ระบุว่า ไม่ส่งผลกระทบเลย
  • ร้อยละ 2.42 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

สิ่งที่ประชาชนคิดว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรกระทำกับกรณีของ “แป้ง นาโหนด” พบว่า

  • ร้อยละ 49.94 ระบุว่า ควรตรวจสอบข้อร้องเรียนของ “แป้ง นาโหนด” พร้อมทั้งให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย 
  • ร้อยละ 31.56 ระบุว่า ควรเจรจาให้ “แป้ง นาโหนด” เข้ามามอบตัว
  • ร้อยละ 27.09 ระบุว่า ต้องจับ “แป้ง นาโหนด” ให้ได้
  • ร้อยละ 25.27 ระบุว่า ใช้โอกาสนี้ ประกาศปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมให้เป็นวาระแห่งชาติ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประชาชน เชื่อว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะทำกับกรณีของ “แป้ง นาโหนด” ว่า 

  • ร้อยละ 42.32 ระบุว่า จะตรวจสอบข้อร้องเรียนของ “แป้ง นาโหนด” พร้อมทั้งให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
  • ร้อยละ 24.55 ระบุว่า จะสามารถจับ “แป้ง นาโหนด” ได้
  • ร้อยละ 24.06 ระบุว่า จะประสบความสำเร็จในการเจรจาให้ “แป้ง นาโหนด” เข้ามามอบตัว
  • ร้อยละ 22.85 ระบุว่า จะใช้โอกาสนี้ ประกาศปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมให้เป็นวาระแห่งชาติ

การแหกคุกของ "เสี่ยแป้ง" ถือว่าสั่นสะเทือนกระบวนการยุติธรรมไทยมากที่สุดคดีหนึ่ง ความจริงมีเพียงสิ่งเดียว ดังนั้นยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า ในปี 2567 คดีจะเดินไปทางไหน บทสรุปจะเลยเอยอย่างไร เพราะจนถึงขณะนี้ "เสี่ยแป้ง" ยังคงลอยนวล
 

logoline