svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

"ทนายลุงพล" เปิดใจรับทำคดี เพราะวิปริตตั้งแต่กระบวนการตั้งต้น มั่นใจชนะ

"ทนายลุงพล" เปิดใจรับทำคดี เพราะวิปริตตั้งแต่กระบวนการตั้งต้น ระบุ มั่นใจชนะ โจทก์ไม่มีประจักษ์พยาน-ไม่มีมูลเหตุจูงใจ ด้าน "ทนายแม่น้องชมพู่" เตรียมแผนรับทั้งผลบวก-ลบ "แม่น้องชมพู่" ไม่กังวล

20 ธันวาคม 2566 สืบเนื่องศาลจังหวัดมุกดาหาร นัดอ่านคำพิพากษา คดี “น้องชมพู” บ้านกกกอก คดีฆาตกรรรมที่โด่งดังในปี 2563 หายออกจากบ้านอย่างปริศนา โดยพบร่างอยู่ในป่าห่างจากบ้าน 2 กม. บนภูเหล็กไฟ โดย นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าเเต๋น” ตกเป็นผู้ต้องหาข้อหา พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร, ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกิน 9 ปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแลเป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย ,

ล่าสุดเช้าวันนี้ที่ บ้านกกกอด ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร นายอิทธิพัทธ์ ปิ่นระโรจน์ ผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวี 22 ได้รายงานบรรยากาศหน้าศาลจังหวัดมุกดาหาร พร้อมสัมภาษณ์ทีมทนายความธรรมรังสี นำโดย นายสุรชัย ชินชัย หรือ ทนายเบิ้ม ได้เปิดใจที่รับทำคดีนี้ว่า เพราะเป็นคดีแรกที่วิปริต ทั้งการสืบสวน สอบสวน เเละ ชั้นอัยการส่งฟ้อง ส่วนที่รับทำคดีเพราะ มีคนทราบว่า ตนเป็นคนอีสาน มีสมาคมที่ช่วยเหลือคนยากคนจน โดยเน้นให้จับพิรุธจำเลยด้วย เพราะถ้าเป็นจริง ตามที่กล่าวหาจะต้องวางเเนวทางให้เขารับทราบชดใช้กรรมไป จะไม่ต่อสู้ถึงขนาดนี้

สำหรับคดีนี้ที่ยุ่งยาก ซับซ้อนมาก เพราะใช้เวลาเป็นปี ถึงออกหมายจับ 2 จำเลย หลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ไม่สามารถขี้ชัด หรือ บ่งชี้ได้ จึงต้องไปอาศัยสถาบันเเสงซินโครตรอน ซึ่งในกระบวนการนิติวิทยาศาสตร์ ยังไม่เคยนำมาใช้ในสำนวนคดีเมืองไทย ในกระบวนการยุติธรรมไทย เเละเป็นครั้งเเรกที่นำมาใช้ สนับสนุนข้อหาพยานหลักฐาน เพราะหลักฐานนิติเวชไม่มี นิติวิทยาศาสตร์ก็ไปไม่ได้

ทนายเบิ้ม กล่าวต่อว่า ระบบยุติธรรมไทยอยู่ที่กระบวนการตั้งต้น  การชันสูตรพลิกศพการตายผิดธรรมชาติต้องเกิดขึ้น ที่ต้นทางตั้งต้นกระบวนการ โดยมีอัยการ มีหมอ พนักงานสอบสวน เข้ามาเกี่ยวข้อง พิสูจน์กันว่า คนนี้ตายผิดธรรมชาติ ถึงจะนำสืบว่า ผู้กระทำให้ตายเป็นใคร เเต่ในสำนวนคดีนี้ไม่มีในข้อเเรก ไปเห็นท่าทางศพ ผู้บังคับบัญชา ผู้มีอำนาจในการสอบสวน ก็ชี้นำเลยว่า ต้องมีผู้กระทำให้ตาย มุ่งมาที่จำเลย

หลักฐานที่คิดว่าจะเซอร์ไพรส์ หรือยังไม่ได้เปิด ไม่มี เพราะอยู่ในสำนวนหมดเเล้ว เเม่กระทั่งเส้นผม ที่เป็นจุดหลัก ก็พบเส้นเดียว เเล้วใช้ลักษณะว่า เส้นผมนี้คล้ายกับเส้นผมที่พบข้างศพน้องชมพู่ ซึ่งมีองศาการตัดใกล้เคียงกัน เเละตัดโดยมีดคมเดียว เเละคนเดียวตัด ใช้คำพูดอย่างนี้ ก็หักล้างว่า ลำพังเส้นผมเส้นเดียวเป็นชีววัตถุ ซึ่งตนก็หักล้างว่า คุณรู้ได้อย่างไรว่า ใช้มีดคมเดียวตัด เเละ ยังเอามีดพกบ้านลุงพลไป ในมีดพกก็ไม่พบดีเอ็น ลุงพล เส้นผมอาจจะถูกหนูกัดเเทะได้

จากการพิจารณา สำนวนทั้งหมด มีความมั่นใจเพราะ โจทก์ไม่มีประจักษ์พยาน ไม่มีมูลเหตุจูงใจ เเละ เขาไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ ส่วนหลักฐานที่สำคัญ ไม่พบสารพันธุกรรม หรือดีเอ็นเอ โดยเฉพาะลุงพล อยู่ในร่างกายของน้องชมพู่เลย ถ้าไปอุ้ม ไปเคลื่อนย้ายตั้งเเต่เเรก ถึงจะเป็นนิติวิทยาศาสตร์ที่จะรับฟังได้ว่า ไม่ปราศจากข้อสงสัยว่าคนนี้คือ คนร้าย

สำหรับบรรยากาศ ศาลจังหวัดมุกดาหารพิพากษา โดยศาลเริ่มนั่งบัลก์อ่านคำพิพากษาเมื่อเวลา 10.00 น. 
ส่วนข้อกล่าวหา
"ลุงพล" ตกเป็นจำเลย 4 ข้อหา
      1. ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา เล็งเห็นผล 
      2. พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดา 
      3. ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกิน 9 ปี เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย 
      4. ร่วมกระทำการใดๆแก่ศพ ก่อนชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น 

"ป้าแต๋น" ตกเป็นจำเลย 1 ข้อหา 
      1.ร่วมกระทำผิดกับผู้ต้องหา ร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพของน้องชมพู่ หรือ สภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ตาม ป.วิอาญา ม.150 

ด้าน "เเม่น้องชมพู่" เปิดเผยก่อน เดินทางมาศาล บอกว่า ตื่นเต้น เเต่ก็หลับสบายดี ไม่มีความกังวลใดๆ เพราะมั่นใจในพยานหลักฐานทั้งหมด รวมถึงพยานนิติวิทยาศาสตร์ที่สืบมา หากผลออกมาเป็นลบเตรียมพร้อมที่จะยื่นอุทธรณ์ วันนี้(20 ธ.ค.)เป็นวันที่รอมาหลายปี

แม่น้องชมพู่และทีมทนาย

ขณะที่ ทนายพิสิษฐ์ ตรัยเจริญเมธากุล ทนายความของพ่อและแม่น้องชมพู่ กล่าวว่า ไม่ได้มีความกังวลใจอะไร เพราะมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีการสืบพยานกันมานาน และหลักฐานที่นำขึ้นสู่ศาลมีความสอดคล้องต้องกัน หลังจากนี้ไม่ว่าผลคำพิพากษาจะออกมาในรูปไหน ทางทีมทนายความได้มีการเตรียมแผนรับมือไว้หมดแล้ว หากคำพิพากษาออกมาเป็นบวก ก็ต้องปรึกษากับทางน้องชมพู่ก่อนว่า จะคัดค้านการประกันตัวหรือไม่ แต่ถ้าหากผลออกมาเป็นลบก็จะมีการยื่นอุทธรณ์ต่อแน่นอน

จากนั้น พ่อกับแม่ขอ "น้องชมพู่" พร้อมทนายความ ได้เดินทางไปศาลจังหวัดมุกดาหาร เพื่อรอฟังการอ่านคำพิพากษา ซึ่งศาลไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปร่วมรับฟัง เนื่องจากห้องมีขนาดเล็กและทางฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลยก็มากันมาก ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงได้บอกกับทีมข่าวว่า การอ่านคำพิพากษาในครั้งนี้น่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง หากเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะสรุปคำพิพากษาแล้วแจกให้สื่อมวลชนอีกครั้ง

ขณะที่ภายนอกบริเวณศาลได้เกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อผู้สนับสนุน เเละฝ่ายเห็นต่าง เกิดมีปากเสียงกัน โดย "ปู่มหามุนี" มีการนำพวงหรีดมาให้ลุงพล นอกจากนี้ ยังมีบรรดากองเชียร์ ต่างโห่ร้องดีใจ ทั้งที่ศาลยังไม่อ่านคำพิพากษา 

ล่าสุด เวลา 12.35 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลจังหวัดมุกดาหารได้อ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 (ลุงพล)  มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 และ 317 วรรคแรก ฐานกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 10 ปี ฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาปราศจากเหตุอันควร จำคุก 10 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 (ป้าแต๋น) ยกฟ้อง