ค้านประกัน“ดอกแก้ว” จ่ออีก 1 หมายจับคนกดเงินบัญชีม้า
สอท.5 เผยหลังฝากขัง “ดอกแก้ว” ค้านประกัน พร้อมเตรียมขอหมายจับอีก 1 ราย เป็นคนกดเงิน โยงในคดี 5 คนไทย ยังไม่หลบหนีออกนอกประเทศ อยู่ระหว่างเร่งติดตาม ส่วน 3 คดีในโรงพักนครบาล ให้ท้องที่จัดการ ยังไม่ขอโอนคดี
19 ตุลาคม 2566 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หลังจากที่ตำรวจ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5(บก.สอท.5) พาตัว น.ส.ดอกแก้ว (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหา บัญชีม้าในคดีหลอกขายโทรศัพท์มือถือให้ น้องพลอย นักเรียนสาว ชาวจังหวัดนครราชสีมา จนต้องผูกคอตาย ไปส่งฝากขังที่ศาล เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา
พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 เปิดเผยว่า วันนี้ตำรวจได้พาตัว น.ส.ดอกแก้ว ไปส่งที่ศาลอาญารัชดาฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้คัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน ทั้งนี้การสอบปากคำ น.ส.ดอกแก้ว ในครั้งแรก เจ้าตัวให้การภาคเสธ กับการเปิดบัญชีม้า แต่พอถูกสอบปากคำอย่างหนักก็รับสารภาพว่า ไปรับจ้างเปิดบัญชีม้าจริง และได้รับเงินค่าจ้างจำนวน 300 บาท ซึ่งเงินในบัญชี พบว่าถูกถอนออกไปหมดแล้ว
พล.ต.ต.ชรินทร์ กล่าวอีกว่า คดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 5 คน คือ น.ส.ดอกแก้ว ที่ถูกจับกุมไปแล้ว อีก 3 คนเป็นผู้รับเปิดบัญชีม้า ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับมาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัว ส่วนอีก 1 คน เป็นผู้ร่วมขบวนการ ทำหน้าที่ในการกดเงินสด อยู่ระหว่างการขออนุมัติหมายจับเช่นกัน ส่วนจะเป็นแอดมินเพจที่แชทคุยกับน้องพลอยหรือไม่ ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบแต่จากการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดในคดีนี้เป็นคนไทย ยังไม่มีการหลบหนีออกนอกประเทศ ซึ่งทั้งหมดจะถูกตั้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
พล.ต.ต.ชรินทร์ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ต้องสืบสวนสอบสวนในหลายประเด็นให้ครอบคลุมทุกมิติ โดยปัจจุบันเชื่อว่า ฐานที่ตั้งและไอพีแอดเดรสของขบวนการนี้อยู่ในประเทศเมียนมา ส่วนจะเป็นเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือเกี่ยวกับการพนันออนไลน์หรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการสืบสวน
สำหรับหัวหน้าขบวนการ เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนว่าเป็นเครือข่ายคนจีนหรือไม่ ส่วนกลุ่มผู้ต้องหาจะเป็นแก๊งเดียวกับที่ก่อเหตุ จนทำให้เกิดเหตุสลดหลายคดีในช่วงต้นปีที่ผ่านมาหรือไม่ เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบหาความเชื่อมโยง แต่ขณะนี้ยังไม่มีพยานหลักฐานยืนยัน
พล.ต.ต.ชรินทร์ เผยว่า ส่วน น.ส.ดอกแก้ว พบว่ามีความเชื่อมโยงกับการก่อเหตุในพื้นที่ 3 โรงพักในเขตนครบาล ซึ่งตำรวจ สอท. ประสานขอข้อมูลแล้วพบว่ามีพฤติการณ์ก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน ส่วนจะขอโอนคดีมาทำหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชา แต่ขณะนี้ให้ตำรวจท้องที่เป็นผู้ดำเนินการสอบปากคำผู้เสียหาย และจากนั้นจะทำการอายัดตัวผู้ต้องหาเพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติม
ส่วนร้านขายโทรศัพท์ที่ระบุว่าถูกแอบอ้างนั้น เจ้าหน้าที่จะต้องเรียกมาสอบปากคำในฐานะพยานเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ยอมรับว่าอาจมีอุปสรรค เนื่องจากเป็นการกระทำความผิดนอกราชอาณาจักร ซึ่งต้องใช้ความพยายามให้มากขึ้นในการติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดี