
3 ตุลาคม 2566 เวลา 19.55 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า เรื่องสอบปากคำ ต้องขอไม่เปิดเผยรายละเอียดเนื่องจากผู้ต้องหาเป็นเยาวชน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปยัง สน.ปทุมวัน เพื่อร่วมกับสหวิชาชีพในการสอบปากคำ หลังเข้าจับกุมได้ดำเนินการตามขั้นตอน (SOP) ซึ่งผู้ก่อเหตุยอมมอบตัว
เบื้องต้น ผู้ก่อเหตุยังไม่สามารถสอบปากคำได้ เนื่องจากมีอาการเบลอ ระบุมีคนมาพูดว่าต้องยิงคนนู้น คนนี้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดต่อผู้ปกครองเนื่องจากไปตรวจสอบที่บ้านพัก ยังไม่เจอพ่อแม่ ส่วนเรื่องของเกม พบว่าได้เล่นเกมบ้าง ส่วนอาวุธปืนของผู้ก่อเหตุใช้เป็นปืนแบลงค์กัน แต่ยังไม่ทราบที่มา แต่จากการตรวจสอบพบประวัติ พบการรักษาจิตเวช ที่โรงพยาบาลราชวิถี
เหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาวจีน 1 ราย เสียชีวิตบริเวณชั้น G ส่วนอีกรายเป็นชาวเมียนมาร์เสียชีวิตที่โรงพยาบาล และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 คน
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวอีกว่า จากการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รู้จักหลัก “หนี ซ่อน สู้” หรือ “Run Hide Fight” นำมาใช้ในการเอาชีวิตรอดในเหตุกราดยิง ทำให้พนักงานรู้ขั้นตอนว่า จะต้องไปหลบซ่อนตัวที่ไหน เพื่อให้ตัวเองปลอดภัยและทางห้างได้มีการฝึกซ้อมอยู่เป็นประจำทุก 3 เดือน ทำให้ตำรวจสามารถเข้าช่วยเหลือและลำเลียงประชาชนอย่างมีขั้นตอน ขณะเดียวกันก็ต้องปิดล้อมพื้นที่เพื่อเข้าระงับเหตุ
เหตุการณ์ในครั้งนี้ ตำรวจสายตรวจถึงที่เกิดเหตุภายใน 5 นาที ซึ่งเป็นไปตามหลักยุทธวิธี นอกจากนี้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ดูแลมาตรการให้รัดกุม
จากนั้น เวลา 20.30 น.พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6(ผบก.น.6) เดินทางมาที่ สน.ปทุมวัน ภายหลังคุมตัวผู้ต้องหาเยาวชน อายุ 14 ปี พร้อมอาวุธปืนดัดแปลงมาถึงก่อนหน้านี้
โดย พล.ต.ต.นครินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้เชิญเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพและผู้ปกครอง ของผู้ก่อเหตุเดินทางมาถึงที่สถานีตำรวจแล้ว เบื้องต้นมีหลักการในการสอบปากคำ และหลักเกณฑ์ในการควบคุมตัวอยู่คือ คุมตัวได้ไม่เกิน 24 ชั่วโมง ส่วนจะต้องมีการเชิญแพทย์เพื่อมาตรวจสอบสภาพจิตใจ หรือดำเนินการใดๆ
นอกจากนี้ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานเสียก่อน เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องใหญ่ ทุกหน่วยงานอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ รวบรวมพยานหลักฐานและข้อมูลต่างๆให้ได้มากที่สุด.