svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

สัมภาษณ์พิเศษ : อำลา "บิ๊กเด่น" 1 ปีกับตำแหน่ง "แม่ทัพสีกากี"

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. กับเก้าอี้ "พิทักษ์1" ในระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่ 1 ต.ค.65-30 ก.ย.66 เป็นผบ.ตร.ที่สมฉายา "ผบ.ปีชง" ด้วยความที่ต้องเผชิญกับสารพัดปัญหา มรสุมในวงการสีกากี แทบจะทุกเรื่องที่จะต้องเข้าไปถอดบทเรียน ความผิดพลาด กระทั่งวาระเกษียณอายุ

เป็นเวลาเกือบ 1 ปีเต็มที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้ามารับตำแหน่งหัวเรือใหญ่แห่งรั้วปทุมวัน ต้องยอมรับว่า คดีความใหญ่ๆ เกิดขึ้นมากมาย หลายคดีกระทบชื่อเสียง ลดความเชื่อมั่นของประชาชน และแน่นอนว่า สุดท้ายแล้วย่อมส่งผลต่อขวัญ และกำลังใจ ของตำรวจชั้นผู้น้อย ซึ่งเป็นผู้ปฎิบัติไม่น้อยเลยทีเดียว

 

สัมภาษณ์พิเศษ : อำลา "บิ๊กเด่น" 1 ปีกับตำแหน่ง "แม่ทัพสีกากี"


พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ระบุว่า ในภาพรวมต้องยอมรับว่าตำรวจมีต้นทุนในสังคมค่อนข้างต่ำ ถ้ามีข่าวไม่ดีค่อนข้างเป็นข่าวที่ดัง ข่าวดีมักจะแชร์กันน้อย เป็นเรื่องที่ต้องบอกให้ตำรวจทำใจกันไว้ ว่าต้องเผชิญอย่างนี้ แต่ที่สำคัญอยากให้ตำรวจทุกคนมีทัศนคติที่ดีก่อน การเป็นตำรวจ เป็นอาชีพที่เรามีหน้าที่หลัก บำบัดทุกข์บำรุงสุข ถ้าเราคิดในแง่ว่าเรามีโอกาสได้ทำงานให้เกิดประโยชน์กับประชาชน ถือว่าเป็นการทำดีขอให้คิดอย่างนี้ 

 

“ไม่ใช่ว่าเจองานหนัก เจออะไรที่ทำเยอะๆ เราก็จะเป็นภาระแล้วเราก็จะเหน็ดเหนื่อย มีโควิดเขาให้ทำอะไร เราก็ทำ ตั้งด่านเพื่อสกัดกั้นยาเสพติด เราต้องไปช่วยเหลือคนในชุมชนเราก็ต้องทำ อย่ามามองว่า มาเกี่ยงกัน ว่าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ อะไรต่างๆ อะไรที่เป็นเรื่องบำบัดทุกข์บำรุงสุข เราต้องช่วยทำให้อย่างเต็มที่ อันนี้ก็พยายามปลูกฝังให้ตำรวจมีทัศนคติที่ดี ผมเชื่อว่าถ้าตำรวจมีทัศนคติที่ดีขึ้น ในภาพรวมการทำงานก็จะมีความสุขมากขึ้น  ต้องมีแรงบันดาลใจที่อยากทำงาน ไม่ใช่ว่าเกิดจากการบังคับของผู้บังคับบัญชา”

 

สัมภาษณ์พิเศษ : อำลา "บิ๊กเด่น" 1 ปีกับตำแหน่ง "แม่ทัพสีกากี"


หลากหลายคดี หลากหลายเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นในยุคของพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ถาโถมอย่างไม่ขาดสาย คดีที่1จบไป คดีที่2เกิดขึ้นทันที ถือเป็นบทพิสูจน์ว่าการเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่ใช่งานที่ง่าย
 

สัมภาษณ์พิเศษ : อำลา "บิ๊กเด่น" 1 ปีกับตำแหน่ง "แม่ทัพสีกากี"


เมื่อถามกันตรงๆว่า ตลอดระยะเวลาทำงานเหน็ดเหนื่อยบ้างหรือไม่นั้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ บอกว่า ถามว่าเหนื่อยไหม ก็คงต้องเหนื่อย แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นที่ทำให้ทำงานไม่ราบรื่น ยังมีเวลาไปทำงานที่เราตั้งใจไว้ ความตั้งใจตั้งแต่แรก รับตำแหน่ง 1 ตุลาคม 65 คือมีวิสัยทัศน์การทำงาน ให้ตำรวจเป็นมืออาชีพ ทำงานเชิงรุก เพื่อความสงบสุขของประชาชน
 

“ผมก็ได้ปลูกฝังมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าตำรวจมืออาชีพต้องทำงานภายใต้ความแม่นยำเรื่องข้อกฎหมาย มีการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุต่างๆให้มีความพร้อมทั้งในด้านกฎหมายและด้านยุทธวิธี ต้องมีจริยธรรม ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้ที่สองแสนคน จะอยู่ในกรอบของมีจริยธรรม หรือไม่ทำผิดกฎหมาย เมื่อมีข่าวคราวมาเราก็ไม่ได้มีการช่วยเหลือกัน และให้ทำงานเชิงรุกก็คือแก้ปัญหาเชิงรุกไม่ใช่ตั้งรับ”


สำหรับพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์แล้ว ในการดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ การยกระดับการบริการประชาชน และทำให้ประชาชนมองตำรวจในแง่บวกมากขึ้น ถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจที่ตั้งใจทำมาตลอดเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา และเลือกที่จะใช้การทำแบบสำรวจเพื่อมาเป็นตัวชี้วัดความพึงพอใจของประชาชน

 

สัมภาษณ์พิเศษ : อำลา "บิ๊กเด่น" 1 ปีกับตำแหน่ง "แม่ทัพสีกากี"

 

"เน้นการทำงานยกระดับการบริการประชาชน ใช้งบประมาณในการจัดจ้างทำโพลสำรวจความพึงพอใจในแต่ละพื้นที่ว่ามีมากน้อยขนาดไหน โดยแข่งกับตัวเองในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาแล้ว 6 เดือนนี้ ซึ่งปีนี้ทดสอบไป 2 ครั้งแล้วครั้งละ 1 ล้านตัวอย่าง มีความพึงพอใจที่ดีขึ้น เพราะว่าเราเน้นให้ตำรวจเข้าไปหาประชาชน ไปเยี่ยมประชาชน ซึ่งอันนี้เป็นส่วนที่สำคัญที่ผมเชื่อว่าถ้าเราสำรวจความพึงพอใจประชาชนทุกปี ตำรวจจะไปหาชาวบ้านมากขึ้นจะรับฟังปัญหาชาวบ้านเอาปัญหาชาวบ้านมาแก้ไข"

 

สัมภาษณ์พิเศษ : อำลา "บิ๊กเด่น" 1 ปีกับตำแหน่ง "แม่ทัพสีกากี"


สุดท้ายแล้วเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วัน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ก็จะสิ้นสุดหน้าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนที่ 13 แล้ว จะฝากทิ้งท้าย ถึงผบ.ตร.คนที่ 14 ไว้อย่างไรบ้าง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์บอกว่า คงจะเน้นว่าทำอย่างไรให้ลูกน้องมีทัศนคติที่ดี เพราะว่าอาชีพตำรวจเป็นอาชีพที่ทำงานหนัก ปี 1 ของผมทำงานหนักมาก ถ้าเปรียบเทียบแล้ว เหมือนกับนอกจากงานหนักแล้ว ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคดีอะไรต่างๆที่เข้ามารุมเร้า
 

 

“ช่วงเวลา 1 ปี  ถ้าเราช้าเราจะไม่มีโอกาสได้ทำ ผมก็เร่งทำงานแบบไม่ได้พักเลย เพื่อที่จะทำให้สิ่งที่ตั้งใจไว้สำเร็จ แม้จะมีงานอื่นมาทำให้สะดุดไปบ้าง แต่ก็ยังมีเวลาไปทำตามแผนงานที่ตั้งใจไว้ได้ผมก็เชื่อว่า ท่านผบ.ตร.คนใหม่ก็คงจะทำได้เช่นกัน”

 


นับถอยหลังอีกเพียงไม่กี่วันจะถึง วันที่ 1 ตุลาคม วันแรกของการเปลี่ยนสถานะจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นเพียงอดีตข้าราชการที่เกษียณอายุราชการ หลังจากทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์มานานกว่า 30 ปี ของพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ สิ่งแรกที่วางแผนไว้คือการปล่อยวาง และพักผ่อนเพื่อคลายความเหนื่อยล้าจากงานหนักที่หักโหมมาอย่างยาวนาน

 

สัมภาษณ์พิเศษ : อำลา "บิ๊กเด่น" 1 ปีกับตำแหน่ง "แม่ทัพสีกากี"

 

“คิดว่านอนสายๆแล้วก็ออกกำลังกาย แล้วก็อยู่บ้านไปก่อนคงจะอยากพักก่อน คงจะหากิจกรรมที่ชอบทำเช่นไปต่างจังหวัดไปทำบุญบ้างหรือว่าไปออกกำลังกายบ้าง เช่นไม่ได้ไปตีกอล์ฟมานานก็ไปตีกอล์ฟบ้าง เพราะเป็นกิจกรรมที่เคยทำมาก่อนตั้งแต่ตอนเป็นผู้ช่วยเป็นรอง แต่เป็นผบ.แล้วไม่มีโอกาสเลย ก็คงจะกลับไปทำไปตีกอล์ฟบ้า งอาทิตย์ละวันสองวันกับเพื่อนๆ  มีกิจกรรมทำแน่ๆแต่ว่าเรื่องงานก็คงคิดว่าคงจะปล่อยไปบ้างเพราะว่าทำมาเยอะแล้ว”


 

สัมภาษณ์พิเศษ : อำลา "บิ๊กเด่น" 1 ปีกับตำแหน่ง "แม่ทัพสีกากี"

 

หลังจากนี้ก็จะคงต้องจับตาดูว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนที่ 14 ที่จะเข้ามาสานงานต่อในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชน และสามารถดูแลสวัสดิการ ขวัญกำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชาทั่วประเทศ ได้อย่างทั่วถึง ถือเป็นโจทย์ใหญ่ และท้าทาย สำหรับหัวเรือใหญ่รั้วปทุมวันคนถัดไป

 

สัมภาษณ์พิเศษ : อำลา "บิ๊กเด่น" 1 ปีกับตำแหน่ง "แม่ทัพสีกากี"

 

 

รายงาน : สานนท์ เจริญพันธุ์