12 กันยายน 2566 พล.ต.ต.ศุภากรณ์ จันทาบุตร ผบก.ปพ.สั่งการให้ พ.ต.อ.เรืองรัตน์ หงษ์ทิพรัตน์ ผกก.สายตรวจฯ นำกำลัง เข้าจับกุม นายรชต เจตจิราณิชย์ อายุ 42 ปี ผู้ต้องหา อ้างตัวเป็นตำรวจ ตำแหน่งผู้กำกับการ สังกัดจเรตำรวจ ภ.6 ได้ที่ร้านกาแฟ ต.ห้วยขุนราม อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี
การจับกุม เนื่องจากได้รับร้องเรียนว่า มีชายแต่งเครื่องแบบตำรวจ พกอาวุธปืน อยู่ในเขต ต.ห้วยขุนราม อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี และมักอ้างตัวว่า เป็นผู้กำกับการสังกัดจเรตำรวจ ภ.6 จึงวางแผนทำทีเป็นสาวสวย ติดต่อผ่านเฟซบุ๊กขอพบ เพื่อจะนำกระเช้าดอกไม้ไปมอบ แสดงความยินดีต่อการเลื่อนตำแหน่ง โดยนัดหมายกันที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
เมื่อถึงเวลานัดหมาย พบนายรชต ผู้ต้องหารายนี้ แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจครึ่งท่อน มีเสื้อคลุมสีดำ ชุดจับกุม จึงแสดงตัวตรวจค้น พบปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. 1 กระบอก , แม็กกาซีนและเครื่องกระสุนขนาดเดียวกัน 15 นัด พร้อมซองพกหนังสีดำ จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง
สอบสวน นายรชต ให้การรับสารภาพและยินยอมให้ตรวจค้นรถยนต์ของตนเอง พบเครื่องแบบข้าราชการตำรวจ ยศ พ.ต.อ. พร้อมให้การว่า ตนมีความชื่นชอบอาชีพตำรวจ จึงไปหาเครื่องแบบมาใส่ เพราะเวลาไปงานแต่ง หรืองานศพ เจ้าภาพจะเชิญเป็นเกียรติในงาน
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร” ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.มะนาวหวาน จ.ลพบุรี ดำเนินการต่อไป
นางเอ (นามสมมุติ) ภรรยานายรชต เปิดเผยว่า อยู่กินกับนายรชต และจดทะเบียนสมรสกันเมื่อปี 64 โดยนายรชตหลอกตนว่า เป็นนายตำรวจใหญ่ ในจังหวัดพิษณุโลก ตนก็ไม่สงสัย ก่อนจะเดินทางมาอาศัยกับพี่สาวที่ จ.ลพบุรี นายรชต ก็เดินทางกลับมาอยู่ด้วย อ้างว่าถูกพักราชการ แต่บอกว่าจะพ้นโทษ และกลับมาครองตำแหน่ง เป็นผู้กำกับการ จเรตำรวจ ภ.6 ในวันที่ 1 ต.ค. นี้ ซึ่งตนไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่า นายรชต ไม่ใช่ตำรวจตามที่กล่าวอ้าง