
ความคืบหน้าคดีตำรวจรีดเงินผู้ต้องหาเว็บพนันออนไลน์ 140 ล้านบาท ล่าสุดทางด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า คณะพนักงานสอบสวนได้มีการทำสำนวนการสอบสวนโดยเริ่มเก็บรายละเอียดในส่วนที่เกี่ยวข้องเกือบทั้งหมดแล้ว เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา ทางพนักงานสอบสวนสภ.คูคต ได้ขอศาลออกหมายจับตำรวจพัทยา โดยทางตำรวจนายดังกล่าวได้ให้ทนายมอบตัวกลางดึก กับพนักงานสอบสวนแล้ว เดิมให้ผกก.สภ.เมืองพัทยา เรียกมาสอบสวนในฐานะพยาน แต่ก็ไม่ยอมมา จนสุดท้ายต้องขอศาลออกหมายจับ ในความผิดร่วมกันก่อเหตุฯ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ที่เรียกมาสอบในครั้งแรกเพื่อต้องการหาข้อเท็จจริง เนื่องจากเห็นความเชื่อมโยงแล้วว่าเป็นอย่างไร เมื่อออกหมายเรียกมาสอบปากคำแต่ไม่ได้มาจึงมีการขอศาลออกหมายจับดังกล่าว ทั้งนี้ได้มีการดำเนินการออกหมายจับตำรวจแล้วกว่า 20 นาย และพลเรือนเกือบ 10 คน คาดว่าจากนี้ 2 สัปดาห์จะเก็บรวบรวมข้อมูลได้ทั้งหมด
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยต่อว่า ทั้งนี้จะนำข้อมูลการสืบสวนไปใส่ไว้ในสำนวนการสอบสวน ถือว่าคดีดังกล่าวไม่ซับซ้อนเท่าคดีแอมไซยาไนด์ที่เกิดตั้งแต่ปี 2558 ที่ผ่านมา ผบ.ตร.ได้สั่งการกำชับให้ดำเนินการอย่างไปตรงไปตรงมา กรณีดังกล่าวเป็นการขอออกหมายจับตำรวจจับตำรวจ และตำรวจที่ร่วมมือกับคนภายนอกกระทำความผิด ยืนยันว่าไม่เป็นคู่ขัดแย้งหรือเป็นศัตรูกับใคร ใครก็สามารถวิจารณ์ได้หมด แต่ต้องทำให้เห็นว่าถ้าลูกน้องกระทำความผิด เราจะไม่ส่งเสริมและไม่ปกป้อง
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ในเรื่องการขอหมายจับต่อศาล โดยทำหลักฐานเท็จ แล้วออกหมายจับไปหากิน หากไม่ทำความจริงให้ปรากฎ ต่อไปตำรวจอีกกว่า 2 แสนคน ที่อยากทำงานจะขอหมายศาลยาก อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเดิม ที่จับกุมผู้เสียหายเพื่อรีดเงินนั้น โดยนิสัยผมไม่ชอนไชหรือจับผิดลูกน้อง ทุกเรื่องมันมีเหตุทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตม.กรณีตู้ห่าว ทุกอย่างมีเหตุ มีตัวผู้เสียหาย เช่นเดียวกันกับเรื่องนี้ ทุกอย่างมีเหตุมาก่อน แต่กรณีนี้ผู้เสียหายเป็นผู้ต้องหา จัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์มาก่อน หน้าที่ตำรวจต้องจับ ไม่ใช่ไปต่อรองแล้วเรียกรับเอาเงินเขา เพราะฉะนั้นตำรวจมีเส้นแบ่งบางๆ หากเลยจากเส้นแบ่งบางๆ ก็กลายเป็นโจร เมื่อไหร่เป็นโจรก็ต้องจับกัน
ส่วนการที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ดำเนินคดีผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กับตนเองนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นการตรวจสอบ ยิ่งดีที่มีคนมาตรวจสอบแสดงให้เห็นว่าตนเองทำงานเป็นมืออาชีพมากแค่ไหน ซึ่งทางตำรวจดำเนินการร่วมกับทางอัยการมาเข้าร่วม
ยืนยันว่าไม่มีทางบิดพริ้วข้อเท็จจริงได้เลย โดยมีการหารือร่วมกับอธิบดีอัยการมาแล้ว 2 ครั้งรวมถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่โดยหลักทางตำรวจต้องทำอย่างโปร่งใส ทุกคนตรวจสอบได้หมดไม่ใช่แค่เพียงนายอัจฉริยะ