"อี้ แทนคุณ" ขอบคุณศาลสั่งคุก "ประสิทธิ์ เจียวก๊ก" ขอ ป.ป.ง. เร่งอายัดทรัพย์

3 กรกฎาคม 2566 นายแทนคุณ​ จิตต์​อิสระ​ อดีต ​ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ผู้ต้องหาในคดีอาญาการฉ้อโกงประชาชน ถูกศาลตัดสินจำคุก 1,155 ปี ให้ชดใช้เงินแก่ผู้เสียหายจำนวน 145 ล้านบาท ในคดีฉ้อโกงประชาชน หลอกลวงให้มีการลงทุน กระเป๋าแบรนด์เนม จนมีผู้เสียหายจำนวนมาก และยังมีอีก 5 คดีที่รอการตัดสิน มีผู้เสียหายจำนวนมาก ความเสียหายหลายพันล้านบาท 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

• คุกอ่วม "ประสิทธิ์ เจียวก๊ก" 1,155 ปี ปรับ 145 ล้าน คดีตุ๋นลงทุนแบรนด์เนม
• ปอศ.รวบเพิ่ม "ฝ่ายจัดหาเหยื่อ" เครือข่ายประสิทธิ์ เจียวก๊ก
• ศาลเลื่อนพิพากษา "ประสิทธิ์ เจียวก๊ก" คดีฉ้อโกงประชาชน ไป 3 ก.ค.66 

นายแทนคุณ กล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งในแกนนำที่ติดตามเรื่องนี้ และเปิดโปงขบวนการ ของ นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก อย่างต่อเนื่อง รู้สึกดีใจ และขอเป็นตัวแทนผู้เสียหาย กราบขอบพระคุณกระบวนการยุติธรรม ที่ให้ความเป็นธรรม แก่ผู้เสียหายทุกคน แม้นี่จะเป็นเพียง 1 ใน 6 คดีที่เกิดขึ้น และจากนี้เชื่อว่า ทุกคดีจะได้รับผลแบบเดียวกัน คือมีโทษทั้งจำทั้งปรับ

ตนในฐานะที่เป็นตัวแทนผู้เสียหาย รู้สึกมีความหวัง หลังจากที่หมดหวังมาหลายปี และหลายคนสิ้นเนื้อประดาตัว ได้รับความบอบช้ำทางจิตใจ การใช้ชีวิตถึงขนาดต้องไปขอข้าว​วัด หรือบางรายต้องแอบนำข้าว ที่ไหว้ศาลมารับประทาน ประทังชีวิตก็มี

นายแทนคุณ กล่าวว่า จากนี้ไป อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน  (ป.ป.ง.) ได้ติดตาม ขยายผลอายัดเงิน ของเครือข่าย นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก เพิ่มเติม ทั้งจาก นางฝน ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในแกนนำหลัก ของกลุ่มศรัทธา ที่หลอกลวง ให้คนถอนฟ้อง นายประสิทธิ์ และถอนคุ้มครองสิทธิ์ จนตัวเขาเอง ได้มีชื่อเป็นกรรมการผู้ถือหุ้น ของรีสอร์ตแห่งหนึ่งในอ่าวนาง

และได้ลงสมัครเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเส้นด้าย ที่สำคัญคือกระบวนการ ของพนักงานขายของบริษัท นายประสิทธิ์ ที่ได้หลอกลวงเงินของประชาชน ไปด้วยเป็นจำนวนมาก อยากให้ทางเจ้าหน้าที่มีการขยายผลอายัดทรัพย์ และจับกุมเพื่อเร่งนำเงินมาคืนให้กับ พี่น้องประชาชน ที่รับความเสียหาย

ทั้งนี้ตนได้นำหลักฐานต่าง ๆ ไปมอบให้กับเจ้าพนักงานสอบสวน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หวังว่าจะขยายผลยึดทรัพย์เพิ่ม มาคืนให้กับพี่น้องประชาชน โดยตนและคณะ จะยังคงเดินหน้าติดตาม​คดีอย่างใกล้ชิด ​และร้องขอความเป็นธรรม ​ให้กับผู้เสียหาย​ต่อไปจนกว่าจะได้เงินคืนมา