
2 พฤษภาคม 2566 จากกรณี"ฉ้อโกงประชาชน" เมื่อระหว่างวันที่ 23 พ.ย.2563 ถึงวันที่ 19 เม.ย.2564 พวกจำเลยได้ร่วมกันและแยกกันกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันด้วยการหลอกลวงและแสดงข้อความอันเป็นเท็จโดยการโฆษณาชักชวนประชาชนมาร่วมลงทุนซื้อขาย ฝากขายสินค้าแบรนด์ เนม อาทิ หลุยส์ วิตตอง ชาแนล แอเมส กุชชี่ และสินค้าทำความสะอาดสินค้าแบรนด์ เนม เป็นต้น ในหลายรูปแบบคิด โดยจะให้ผลประโยชน์ตอบแทน ร้อยละ 40.15-51.1ต่อปี
ทั้งนี้เป็นผลประโยชน์ตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยตามที่สถาบันการเงินกฎหมายกำหนดที่ร้อยละ 3.25 ต่อปี จนมีประชาชน จำนวนมากหลงเชื่อร่วมลงทุนกับพวกจำเลยตามเว็บไซต์ต่างๆที่พวกจำเลยตั้งขึ้น ทั้งที่ความจริงแล้วพวกจำเลยไม่มีเจตนานำเงินจากประชาชน และผู้เสียหายไปลงทุนในธุรกิจดังกล่าว เป็นเพียงอุบายเพื่อนำเงินลงทุนมาเพื่อเป็นประโยชน์แก่พวกจำเลยเท่านั้น สร้างความเสียหายมูลค่ามหาศาลกว่า 1,000 ล้านบาท
วันนี้ (2 พ.ค.) ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก กลุ่มผู้ต้องหาในคดี "ฉ้อโกงประชาชน" ได้เดินทางมายังศาลอาญา เพื่อฟังคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ อ. 1837/2564 ที่พนักงานอัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 เป็นโจทก์ฟ้อง
ดำเนินคดีจำเลยที่1-9 ในความผิดฐาน "ผิด พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 3,4,5,9,11,12,15 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550มาตรา 3,14(1) ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83,91,341,343" และให้พวกจำเลยคืนหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหายที่ยังไม่ได้รับคืน พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ7.5 ของเงินต้น
ทั้งนี้เมื่อถึงเวลานัดศาลได้แจ้งว่า ทำการปรึกษากับอธิบดีและรองอธิบดีศาลยุติธรรมเห็นว่า ขณะนี้คดีดังกล่าวมีเอกสารและสำนวนการสอบสวนที่ต้องตรวจสอบจำนวนค่อนข้างมาก จึงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบข้อมูลสำนวนและเอกสารอีกสักระยะหนึ่งเพื่อเรียงคำพิพากษาให้ครบถ้วน ซึ่งอธิบดีและรองอธิบดีอนุญาตให้ทำการเลื่อนการพิพากษาออกไปก่อนเป็นวันที่ 3 กรกฎาคม 2566
ทั้งนี้ตัวนายประสิทธิ์ ตัวการสำคัญไม่ได้เดินทางมาที่ศาลเนื่องจากเป็นการพิจารณาผ่านระบบ video conference ซึ่งจากการสังเกตสีหน้านายประสิทธิ์ มีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้มีสีหน้าเคร่งเครียดเหมือนการพิจารณาคดีหลบหนีครั้งที่ผ่านมา ซึ่งจากการสังเกตพบว่าที่หน้าห้องพิพากษามีทั้งผู้เสียหายและผู้สนับสนุนนายประสิทธิ์มารอรับฟังการพิพากษามากกว่า 30 คน