
13 มิถุนายน 2566 พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. พร้อมเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และ กอ.รมน. ร่วมแถลงข่าวจับกุม เครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ 4 เครือข่าย พร้อมผู้ต้องหา 11 คน ยึดยาไอซ์ 650 กิโลกรัม, ยาบ้า 12 ล้านเม็ด และคีตามีน 30 กิโลกรัม
คดีที่ 1 ตำรวจ ปส.3 จับกุม นายกฤษณ์, นายยิ่งยศ และนายบุญเลิศ กลุ่มเครือข่ายยาเสพติด ซึ่งใช้วิธีการส่งยาเสพติดซุกซ่อนในพัสดุไปกับบริษัทขนส่งเอกชน สืบสวนทราบว่านายบุญเลิศ ได้นำยาเสพติดส่งพัสดุ และระบุให้รถขนส่งนำยาเสพติด ไปวางไว้หน้าบ้านเลขที่ 316 ซึ่งเป็นบ้านร้างภายในซอยอ่อนนุช 70/1 แยก2 ต่อมานายกฤษณ์ขับรถกระบะ มาหยิบกล่องพัสดุทั้งหมดขึ้นใส่ท้ายรถ ส่วนนายยิ่งยศ เพื่อนร่วมแก๊งได้ขี่รถจักรยานยนต์วนเวียนคอยคุ้มกัน ก่อนจะขับรถตามกันออกไป
เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าสกัดจับกุมนายกฤษณ์ และนายยิ่งยศ ได้ที่บริเวณถนนซอยสุภาพงษ์ 3 แยก 8 แขวงหนองบอน เขตประเวศ ตรวจสอบพบยาไอซ์ซุกซ่อนในซองสีน้ำตาล ห่อละประมาณ 20 กก.จำนวน 20 ห่อ น้ำหนักรวม 350 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังตรวจยึดรถตู้ทึบ 1 คัน, รถกระบะ 1 คัน และรถจักรยานยนต์ 1 คัน จากนั้นได้ติดตามจับกุมนายบุญเลิศ ได้ที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ก่อนนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน ปส.3 ดำเนินคดีและขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป
ต่อมา คดีที่ 2 ตำรวจ ปส.3 ร่วมกับหน่วย AITF ประกอบด้วย ป.ป.ส., ศุลกากร และ ศรภ.จับกุมผู้ต้องหาชาวเวียดนาม 2 ราย ภายหลังสืบทราบว่าทั้งสองว่าจ้าง รถตู้รับจ้างให้ไปส่งที่โรงแรม ในซอยสุขุมวิท 24 จึงได้ติดตามและพบว่า ทั้งคู่ทิ้งกล่องลังไม้บรรจุยาเสพติดไว้ที่โรงแรมดังกล่าว จึงเข้าตรวจสอบ พบคีตามีนซุกซ่อนในโมเดลตุ๊กตา น้ำหนัก 29 กก. ซึ่งผู้ต้องหารับว่า เป็นยาเสพติดที่เตรียมจัดส่งไปต่างประเทศ นอกจากนี้ยังพบคีตามีน 143 กรัม และเอ็กซ์ตาซี่ 150 กรัม และตรวจยึดเงินสด 51,000 บาท และสินค้าแบรนด์เนมกว่า 700,000 บาท จึงจับกุมผู้ต้องหา พร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน ปส.3 ดำเนินคดีและขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป
คดีที่ 3 ตำรวจ ปส. บก.สกส. ร่วมกับ บก.ขส. จับกุมตัวนายชิตวร และนายพงษ์ศรี พร้อมยาไอซ์ 300 กก.และยาบ้า 1 ล้านเม็ด ได้ที่บริเวณแยกเขาทราย ต.เขาทราย อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร หลังเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า เครือข่ายนี้จะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมาก จากพื้นที่ทางภาคเหนือมาส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ จ.สระบุรี จึงได้ทำการวางแผน จัดกำลังตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร ต่อมาพบรถกระบะต้องสงสัย 2 คัน ขับขี่ตามกันมา ถึงแยกเขาทราย มีลักษณะตรงกับข้อมูลที่ได้รับ จึงแสดงตัวเข้าจับกุม
จากการตรวจสอบรถกระบะทั้ง 2 คัน พบยาไอซ์ น้ำหนัก 300 กก. และยาบ้า 1 ล้านเม็ด ซุกช่อนภายในรถ จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาซึ่งขับขี่รถกระบะทั้ง 2 คันไว้ได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตามไปจับกุมผู้ร่วมขบวนการ แต่คนขับไหวตัวทันวิ่งหลบหนีไปได้ และทิ้งรถกระบะเอาไว้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดของกลางส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 ดำเนินคดี และจะติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่หลบหนีและบุคคลในเครือข่ายนี้ต่อไป
คดีที่ 4 สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส.2 ได้มีการจับกุมยาเสพติด ในพื้นที่ อ.เมือง จ.อ่างทอง จากนั้นได้สืบสวนขยายผล จนทราบว่า เครือข่ายดังกล่าวจะนำยาเสพติดจำนวนมากไปส่งที่ จ.สระบุรี โดยมีนายบุญครอง และ น.ส.ธิดา สามีภรรยา ใช้รถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ ทะเบียนจังหวัดบึงกาฬ ซุกซ่อนยาเสพติด มีการอำพรางโดยติดคอกเหล็กที่กระบะหลัง ในลักษณะที่ให้เห็นว่าเป็นการบรรทุกสิ่งของทั่วไป จาก อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร โดยมี น.ส.บุหลัน และนายมะณูน สามีภรรยาอีกคู่ ใช้รถยนต์ ทะเบียนจังหวัดนครพนม ทำหน้าที่สำรวจเส้นทาง
ตำรวจ ปส.2 ได้ทำการสืบสวนติดตามรถทั้ง 2 คัน จนสามารถติดตามรถกระบะ ทะเบียนจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งบรรทุกยาเสพติด มีนายบุญครอง เป็นผู้ขับขี่ และน.ส.ธิดา นั่งไปด้วย ได้เลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันบางจาก ต.ขนงพระ อ.ปางช่อง จ.นครราชสีมา พร้อมของกลางยาบ้า 19 กระสอบ จำนวน 10 ล้านเม็ด ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่อีกชุด ติดตามรถกระบะ ทะเบียนนครพนม พร้อมจับกุมนายมะณูน และ น.ส.บุหลัน ได้ที่บริเวณถนนมิตรภาพ ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมด พร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.2 เพื่อดำเนินคดีและขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป
คดีที่ 5 ตำรวจ ปส.3 ได้ร่วมตรวจยึดยาบ้า 1 ล้านเม็ด ได้ที่บริเวณที่พักริมทาง กม.24 ต.ทุ่งขั่วพวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ หลังเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า เครือข่ายกลุ่มลีซอ จะลำเลียงยาเสพติดไปส่งให้ลูกค้า จึงเฝ้าติดตามจับกุมจนกระทั่งพบ รถยนต์ ยี่ห้อเชฟโรเล็ต ทะเบียนเชียงใหม่ ขับผ่านที่เกิดเหตุ ท่าทางมีพิรุธ จึงแสดงตัวเข้าจับกุม คนขับไหวตัวทันวิ่งลงข้างทาง ซึ่งเป็นพื้นที่เขาสูงชัน อาศัยความชำนาญในพื้นที่หลบหนีไป จากการตรวจสอบพบยาบ้า 500 มัด รวม 1 ล้านเม็ด ซุกซ่อนอยู่ในห้องโดยสาร และ ฝากระโปรงท้าย จึงได้นำของกลางส่งพนักงานสอบสวนก่อนขยายผลการจับกุมต่อไป
ทั้งนี้ตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจ ปส. สามารถจับกุมยาเสพติดคดีสำคัญได้ 18 คดี คุมตัวผู้ต้องหาได้ 54 คน ยึดของกลางเป็นยาบ้า 20 ล้านเม็ด เฮโรอีน 220 กิโลกรัม ไอซ์ 3,250 กิโลกรัม จากนั้นยาเสพติดทั้งหมดจะถูกส่งไปตรวจพิสูจน์ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจะถูกรักษาไว้ที่กระทรวงสาธารณสุขเพื่อทำลายต่อไป
ด้าน พล.ต.อ.ชินภัทร ระบุว่าที่ผ่านมามีการให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ ของบริษัทขนส่งเอกชนบางแห่ง ในการช่วยตรวจสอบสินค้าที่ถูกส่งในระดับหนึ่ง ตำรวจเข้าใจในเรื่องของการทำธุรกิจขนส่งให้มีความรวดเร็ว แต่ขณะเดียวกันมีการวางมาตรการไปแล้ว ตอนนี้อาจจะต้องมีการวางมาตรการกันใหม่ จากคดีที่เห็นไอซ์ 350 กิโลกรัม ใช้ที่อยู่เป็นบ้านร้าง และประสานบริษัทรับส่งพัสดุให้ไปวางหน้าบ้าน พอวางเสร็จมีคนมารับของต่อไป ไม่ได้เป็นการส่งที่บ้าน ไม่มีคนเซ็นรับ ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ซึ่งหลังจากนี้อาจจะต้องเชิญบริษัทขนส่ง มาพูดคุยทำข้อตกลงกันใหม่ ขอย้ำว่ามีบางบริษัทที่ไม่ให้ความร่วมมือ เอาแต่ผลประโยชน์ เข้าใจธุรกิจต้องการเรื่องเงิน แต่ก็ต้องช่วยสังคมโดยรวมด้วย