19 พฤษภาคม 2566 ความคืบหน้ากรณี ตำรวจ ปปป. วางแผนเข้าจับกุม นายอำเภอแม่วงก์ จ.นครสวรรค์ หลังอ้างว่า เป็นคนดูแล และออกใบอนุญาต ให้เปิดสนามไก่ชนในพื้นที่ เดือนละ 3,000 บาท แต่เรียกเก็บล่วงหน้า 3 เดือน รวมกับที่ค้างจ่าย จำนวน 12,000 บาท บุกเข้าจับขณะรับเงิน คาห้องทำงาน เจ้าตัวยังยืนกรานปฏิเสธเสียงแข็ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ล่าสุด เมื่อเวลา 16.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. พร้อม นายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. , นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ปปท. , น.ส.สุปราณี สถิตชัยเจริญ รองโฆษก ปปง. ร่วมแถลงข่าวจับกุม นายอำเภอแม่วงก์
ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือ ยอมรับทรัพย์ หรือประโยชน์อื่นใด โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 และ ข้อหา เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 โดยจับกุมได้ที่ อาคารทำการอำเภอแม่วงก์
หลังเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้รับการร้องเรียนจากเจ้าของบ่อนไก่ชน ในพื้นที่ อ.แม่วงก์ ว่า ถูกนายอำเภอคนดังกล่าว กดดันบังให้จ่ายส่วย เดือนละ 3,000 บาท และบังคับให้จ่ายเงินล่วงหน้า อีก 3 เดือน รวม 4 เดือน 12,000 บาท
อ้างว่า เป็นค่าทำเนียมการเปิดบ่อนไก่ชน หากไม่ยอมจ่าย จะต้องเพิกถอนใบอนุญาต ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ผู้เสียหายจ่ายไปแล้ว 3 เดือน เป็นเงิน 9,000 บาท ซึ่งอ้างว่า จะนำเงินจำนวนนี้ ไปปรับปรุงสนามหญ้า หน้าที่ว่าการอำเภอ
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ในพื้นที่อำเภอแม่วงก์ มีบ่อนไก่ชนทั้งสิ้น 17 แห่ง ผู้เสียหายเป็นหนึ่งในทั้งหมด ที่รับความกดดันไม่ไหว โดยผู้เสียหายระบุว่า บ่อนไก่ชนขาดทุนมาเป็นเวลา 2 เดือนแล้ว แต่ต้องหาเงินมาจ่ายส่วย เพื่อเลี้ยงใบอนุญาต เดือนละ 3,000 บาท
หนำซ้ำยังต้องจ่ายเงินล่วงหน้า อีกกว่าหมื่นบาท จึงสู้ไม่ไหวอีกต่อไป เหมือนถูกบังคับขูดรีด ทั้งที่ในแต่ละเดือน ต้องจ่ายค่าใบอนุญาตถูกกฎหมายไปแล้ว อีกทั้งยังถูกข้าราชการระดับจังหวัด กดดันให้จ่ายอีกด้วย
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุอีกว่า เบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าเงินดังกล่าว เป็นเพียงค่าทำเนียม ที่ทางบ่อนไก่ชนจะต้องจ่าย แต่จากการตรวจสอบของ ปปป.พบว่า ค่าทำเนียมดังกล่าว ไม่มีการออกใบเสร็จ ให้กับผู้เสียหาย ดังนั้นการกระทำของนายอำเภอคนนี้ จึงเข้าข่ายความผิดในข้างต้น รวมแล้ว 2 กรรม ต่างกรรมต่างวาระ
ครั้งแรก คือการเรียกรับเงินจำนวน 3,000 บาท เป็นเวลา 4 เดือน แต่ผู้เสียหายมีจ่ายเพียง 3 เดือน เป็นเงิน 9,000 บาท จึงค้างจ่ายอีก 1 เดือน ปรากฎว่า นายอำเภอคนนี้ ได้โทรศัพท์กดดัน ให้ผู้เสียหายนำเงินมาจ่ายจาก 1 เดือนที่ติดค้าง มาจ่ายพร้อมเรียกรับเงินค่าทำเนียมล่วงหน้าอีก 3 เดือน รวมเป็น 4 เดือน วงเงิน 12,000 บาท ผู้เสียจึงสุดทนร้องเรียน ปปท.ให้เข้าดำเนินการ ก่อนที่จะถูกซ้อนแผน
โดยการให้ผู้เสียหายนำเงินไปจ่าย และถ่ายสำเนาแบงค์เอาไว้เป็นหลักฐาน จนเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าสังเกตการณ์โดยรอบ เข้าจับได้คาห้องทำงาน พร้อมของกลางเงินสด 12,000 บาท อยู่ในกระเป๋ากางเกงของนายอำเภอ เมื่อนำมาเปรียบเทียบ ก็พบว่าตัวเลขธนบัตรตรงกันทุกฉบับ จึงคุมตัวพร้อมแจ้งข้อกล่าวหา และนำตัวมาสอบปากคำที่ บก.ปปป.
ด้านนายศรชัย กล่าวว่า หลังจากนี้เป็นหน้าที่ของ ปปป. ต้องทำการสืบสวนสอบสวนขยายผล โดยมีกรอบระยะเวลา 30 วัน ซึ่งตนเชื่อว่า การขยายผลครั้งนี้ อาจมีการออกหมายจับ ข้าราชการฝ่ายปกครองระดับสูง ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย เพราะผู้เสียหายยืนยันว่า นอกจากนายอำเภอแล้ว ยังมีข้าราชการระดับจังหวัด กดดันให้จ่ายเงินด้วย
นายภูมิวิศาล ระบุว่า หลังจากนี้หน่วยงาน 4 ป. จะบูรณาการณ์ร่วมกัน เพื่อตรวจสอบข้าราชการผู้มีอำนาจ มีใช้อำนาจในการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ทำให้ภาพลักษณ์ข้าราชการเสียหาย หากพบการกระทำความผิดก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด