19 พฤษภาคม 2566 จากกรณี ตำรวจ บก.ปปป. พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. จังหวัดนครสวรรค์ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. และ เจ้าหน้าที่ ปปง. จับกุม นายอำเภอแม่วงก์ ในความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินโดยมิชอบ ,เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” ภายในห้องทำงาน ที่ว่าการอำเภอแม่วงก์ ต.แม่วงก์ อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์
หลังจากนายอำเภอคนดังกล่าว มีพฤติกรรมเรียกเก็บเงินจากผู้ประกอบการสนามไก่ชนแห่งหนึ่งในพื้นที่ แลกกับการออกใบอนุญาต (พ.น.4) เพื่อให้สามารถจัดให้มีการเล่นการพนันได้ โดยเรียกเก็บเป็นรายเดือน เดือนละ 3,000 บาท ทั้งที่ตามความเป็นจริงแล้ว การขอใบอนุญาตดังกล่าวจะเสียค่าธรรมเนียม สังเวียนละ 220 บาทต่อเดือน ซึ่งสนามชนไก่ของผู้เสียหาย มี 6 สังเวียน จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพียงแค่ 1,320 บาทต่อเดือน แต่ที่ต้องเรียกเก็บเพิ่มเพราะ นายอำเภอ อ้างว่าเป็นค่าดูแล เบื้องต้น ผู้ถูกจับกุมยังคง ให้การปฏิเสธ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปปป. ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ต่อมา คณะกรรมการธรรมมภิบาล ประจำอำเภอแม่วงก์ จ.นครสวรรค์ เปิดเผยว่า ตนไม่ทราบมาก่อน และรู้สึกช็อกมากเมื่อรู้ว่านายอำเภอมาถูกจับก่อนที่เขาจะเกษียณอายุราชการใน 4 เดือนข้างหน้า ส่วนนิสัยใจคอของนายอำเภอคนนี้ ตนพูดด้วยความสัตย์จริงเลย เขาทำให้เห็นว่าเขาประพฤติตนดีแทบไม่มีที่ติ แถมเขายังสั่งสอนให้ข้าราชการ และพนักงาน ลูกน้องในสังกัดของอำเภออยู่ตลอด ต้องทำงานอย่างซื่อสัตย์ สุจริต ไม่ทุจริต ทำผิดกฏหมายอย่างเด็ดขาด แต่สุดท้ายกลายเป็นว่า นายอำเภอมาถูกจับข้อหาเรียกรับสินบน ซึ่งเรื่องนี้ ตนก็ยังไม่ได้สืบข้อมูลว่าจริงเท็จประการใด จึงยังไม่สามารถให้ความเห็นได้
เวลาต่อมา ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ่อนไก่ชน ในพื้นที่ ต.เขาชนกัน อ.แม่วงก์ เพื่อสอบถามกับเจ้าของบ่อนที่ได้มีการส่งเรื่องไปร้องเรียนจนนายอำเภอถูกจับ โดยเจ้าของบ่อน ให้ข้อมูลว่า เรื่องนี้ตนไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย และบ่อนของตนก็ทำและปฏิบัติตามถูกต้องตามกฎหมายของกระทรวงมหาดไทยด้วย แต่ที่ต้องมาร้องเรียน เพราะตนเห็นว่า เขา (ผู้ถูกจับกุม) มาเรียกรับส่วยมากเกินไป เขาเอาแบบว่าตนจะขาดทุนหรือไม่ เขาไม่สน เขาจะเอา
ปกติแต่ละอำเภอจะมีบ่อนสนามไก่ชนได้เพียงอำเภอละ 1 บ่อนเท่านั้น แต่ที่เฉพาะ อ.แม่วงก์ มีการเปิดเพิ่มขึ้นมาอีก 3 บ่อน ทั้งที่บ่อนของตนได้รับอนุญาตอย่างถูกกฎหมายเพียงเจ้าเดียว แล้วคิดดู นอกจากจะเสียค่าขออนุญาตรายปีแล้ว ยังต้องมาเสียค่าดูแลให้ท่านขุนคุณชายที่อำเภออีก เดือนละ 5 พันบาท หากใครไม่จ่าย การขออนุญาตปีหน้าเขาก็จะไม่เซ็นผ่านให้
เจ้าของบ่อนไก่ชน บอกอีกว่า ช่วงที่ผ่านมาบ่อนตนขาดทุนอย่างหนัก มันหมาจนตรอกแล้วล่ะ เรียกเก็บแบบนี้ มันเกินไป ทั้งที่บ่อนของตนขออนุญาติถูกกฏหมาย จึงทำให้ตนไม่ห่วงไม่สนใจอะไรแล้ว ถือว่ามารังแกกันมากเกินไป จึงต้องส่งเรื่องไปร้องเรียน แล้วอยากจะบอกด้วยว่า บ่อนแห่งนี้ ตนจ่ายค่าเปิดไป 7 แสนบาท แถมยังต้องมาจ่ายในเบ็ดเสร็จอีกเดือนละ 8 พันบาท ซึ่งเรื่องนี้ มันเกิดตั้งแต่ที่นายอำเภอคนนี้ย้ายมาประจำตำแหน่งที่นี่ และเมื่อเร็วๆ นี้ นายอำเภอก็มีการเรียกตนไปด่ามาด้วยว่า "ปีหน้ากูไม่เซ็นอนุญาตให้ เพราะมึงต้องเอาเงินมาให้กูก่อน" แถมยังจะเปิดเพิ่มบ่อนมาแข่งกับตนอีก 2-3 บ่อน ในเร็วๆ นี้ด้วย
ทั้งนี้ เจ้าของบ่อนไก่ชน ได้นำคลิปเสียงที่ได้บันทึกเป็นหลักฐานในระหว่างที่มีการสนทนากับนายอำเภอคนดังกล่าว โดยมีใจความประมาณการต่อรองกันเรื่องจ่ายค่าสินบน ซึ่งเจ้าของบ่อนได้มีการค้างจ่ายมาก่อน 3 เดือน แล้วพยายามเจรจาขอจ่ายก่อน 1 เดือน เพราะว่าช่วงนี้เฝือดเคืองไม่ค่อยมีเงิน แต่เสียงปลายสายกลับพูด อะโห อะหา บอกว่า นี่มันจะ 3 เข้าเดือนที่ 4 แล้วนะ ก็เคลียร์ของเก่ามาให้หมดก่อน จนเจ้าของบ่อนต้องต่อรองว่า ขอจ่าย 5 พันไปก่อนได้ไหม แล้วจะรีบทยอยจ่ายส่วยที่เหลือให้ จึงทำให้เสียงปลายสาย บอกเออๆ ด้วยสำเสียงท่าทีที่พอใจ แต่ก็ยังมีบอกแถมว่าให้มาจ่ายที่ค้างไว้ 2 เดือนเลยทีเดียวดีกว่า มันต้องดูแลกันหน่อย
ชมคลิป