svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

แฉประวัติ นายหน้าสวมบัตรประชาชนให้ชาวจีน เหยื่อแก๊ง ตร.อุ้มรีดทรัพย์

แฉประวัตินายหน้าสวมบัตรประชาชน ให้ผู้เสียหายชาวจีน ถูกแก๊งตำรวจ ตม.อุ้มรีดทรัพย์ หลัง ตร.บุกรวบได้ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ซ้ำสวมป้ายทะเบียนรถปลอม เร่งตรวจสอบหมายจับค้างเก่า-คดีที่เคยก่อเหตุ พิจารณาดำเนินคดี

22 มีนาคม 2566 ภายหลังตำรวจขยายผล ควบคุมตัวนายหน้าคนไทย ช่วยเหลือผู้เสียหายชาวจีน ที่ถูกตำรวจ ตม. อุ้มรีดทรัพย์ พื้นที่ สน.ดินแดง เพื่อสวมบัตรประชาชนคนไทยนั้น สำหรับการปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นผลงานของ ตำรวจกองกับการสืบสวนนครบาล 2 ได้เดินทางไปตรวจสอบบุคคลต้องสงสัยว่า เกี่ยวข้องในการชี้เป้ากรณีคดีกักขังหน่วงเหนี่ยวในพื้นที่ สน.ดินแดง ที่จังหวัดชัยภูมิ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:


โดยตำรวจตรวจพบรถยนต์ที่มีลักษณะตรงกันกับรถยนต์ของบุคคลดังกล่าว มีการเปลี่ยนแผ่นป้ายทะเบียน จึงทำการเฝ้าติดตามและเข้าตรวจสอบพบผู้ใช้รถยนต์ คือ นายโอภาส (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี มีภูมิลำเนา ต.คูเมือง อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ

แฉประวัติ นายหน้าสวมบัตรประชาชนให้ชาวจีน เหยื่อแก๊ง ตร.อุ้มรีดทรัพย์


เมื่อตำรวจทำการสอบถาม เจ้าตัวรับสารภาพว่า ติดทะเบียนที่ไม่ตรงกับรถจริง และรถยนต์คันนี้ ซื้อต่อมาจากเพื่อน ไม่มีเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์แต่อย่างใด จากนั้นตำรวจได้นำภาพถ่ายของนายโอภาส แสดงให้ผู้เสียหายดูแล้วชี้ยืนยันว่า เป็นนายหน้าคนที่อยู่ด้วยก่อนเกิดเหตุจริง จึงได้ทำการบันทึกตรวจยึด และเชิญตัวมาสอบสวนที่ สน.ดินแดง ต่อไป

ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบประวัตินายโอภาส เมื่อปี 60 เคยกระทำความผิดในลักษณะคล้ายคลึงกับครั้งนี้มาก่อน โดยเคยถูกตำรวจ  สน.โคกคราม ร่วมกับ ตำรวจ บก.สปพ. จับกุมพร้อมกับ พล.ต.จรูญ อำภา สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย พ.ต.ต.ณัฐกฤษต์ ยุทยา พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. นายโก๊ะ เต็ก ชวน ชาวสิงคโปร์ 

และทหารกรมสารวัตรทหารเรือประจำกองทัพไทย 4 ราย ประกอบด้วย จ.อ.เสาวเดช ศักดิ์กิตตินันท์ จ.อ.อภิวัฒน์ ศรีนะพรม จ.อ.เทพพิทักษ์ รัดทะนี และจ.อ.ทรงวุฒิ เที่ยงธรรม หลังจากร่วมกันตั้งแก๊งอุ้มเรียกค่าไถ่นายสุรชัย แซ่ย่าง ประธานบริษัทคันต้า กรุ๊ป ไทยแลนด์ จำกัด เป็นบริษัทเกี่ยวกับสายการบิน และ นายทรงศักดิ์ วิโรจน์ถาวรกิจ ผู้จัดการบริษัท เป็นเงิน 20 ล้านบาท แต่ญาติขอต่อรองเหลือ 2 ล้านบาท ภายหลังส่งมอบเงินให้คนร้ายแล้ว นายสุรชัย จึงถูกปล่อยตัวมา 

เหตุเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา มีกลุ่มชายฉกรรจ์แต่งชุดลายพรางทหาร 4 คน และแต่งนอกเครื่องแบบอีก 5 คน รวม 9 คน บุกเข้าไปภายในบริษัทคันต้า กรุ๊ป ไทยแลนด์ จำกัด เพื่อเข้าพบนายสุรชัย จากนั้น พ.ต.ต.ณัฐกฤษต์ อ้างว่าเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบสังกัด 191 และกองปราบปราม ทำทีมาขอตรวจค้นบริษัทเกี่ยวกับคดีความมั่นคง โดยไม่มีหมายศาล 

จากนั้นกลุ่มคนร้ายได้แสดงเอกสารทะเบียนราษฎร์ และบัตรประชาชนของ นายสุรชัย โดยกล่าวหาว่า ทำเอกสารทะเบียนราษฎร์ และบัตรประชาชนปลอม และพานายสุรชัยขึ้นรถยนต์ยี่ห้อเล็กซัส เพื่อไปพบผู้บังคับบัญชา ที่กอ.รมน.ดอนเมือง ต่อมากลุ่มคนร้ายได้พานายสุรชัย ไปพบ พล.ต.จรูญ ที่ โรงเรียนแห่งหนึ่ง ย่านดอนเมือง และมีการพูดคุยกัน โดยใช้เวลาไม่นาน 

แฉประวัติ นายหน้าสวมบัตรประชาชนให้ชาวจีน เหยื่อแก๊ง ตร.อุ้มรีดทรัพย์

พร้อมทั้ง มีการสอบถามว่า นายสุรชัย มาจากไหน ได้บัตรประชาชนมายังไง พร้อมทั้งข่มขู่ว่า ทำผิดกฎหมาย กล่อมให้เคลียร์ให้จบ ก่อนที่ นายโก๊ะ เต็ก ชวน จะสื่อสารเป็นภาษาจีนกับนายสุรชัย ว่า เจ้านายต้องการค่าคุ้มครอง 20 ล้านบาท ก่อนที่ พ.ต.ต.ณัฐกฤษต์ จะบอกว่าให้จ่ายๆไปจะได้จบ 

แต่นายสุรชัยพยายามต่อรองจนเหลือ 2 ล้านบาท ก่อนจะสั่งให้พนักงานในบริษัทฯ ขับรถกลับไปเอาเงินไปให้ นายโอภาส 1 ในกลุ่มคนร้าย ที่ปั๊มน้ำมัน ริมถนนวิภาวดีรังสิต จำนวน 1 ล้านบาท จึงยอมปล่อยตัว นายสุรชัย ออกมา ต่อมาเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2560 ผู้เสียหายให้พนักงานไปโอนเงินให้คนร้ายอีก 1 ล้านบาท เข้าบัญชีธนาคารชื่อ นายโอภาส ศรียา 

ก่อนทางผู้เสียหายเดินทางเข้ามาแจ้งความ สน.โคกคราม จากนั้น พนักงานสอบสวน ได้ขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับ นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าว เหลือผู้ต้องหาอีก 2 คน ที่ยังหลบหนี อยู่ระหว่างตามจับกุม

ทั้งนี้ ผบก.ปอศ. ขณะนั้นได้มีคำสั่งให้ พ.ต.ต.ณัฐกฤษต์ ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว ส่วนเจ้าหน้าที่ทหารนั้นทางพนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือแจ้งถึงต้นสังกัดรับทราบเพื่อดำเนินการตามขั้นตอน ทราบว่าได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการ ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทั้งทางวินัยและทางอาญากับกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งตำรวจและทหาร

เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อหา “ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และร่วมกันบุกรุก” ก่อนที่ พล.ต.จรูญ ใช้หลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน และเงินสดจำนวนหนึ่งประกันตัว ส่วนสารวัตรทหารเรือ 4 นายใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 1 แสนบาทประกันตัวออกไป เหลืออีก 3 คน มีหลักฐานการกระทำความผิดชัดเจน ประกอบด้วย นายโอภาส ศรียา ผู้รับโอนเงิน พ.ต.ต.ณัฐกฤษต์ ยุทยา พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. และนายโก๊ะ เต็กชวน ชาวสิงคโปร์ ก่อนนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญา

นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลด้วยว่ามีผู้ตกเป็นเหยื่อลักษณะเดียวกัน ในพื้นที่ สภ.พัทยา, สน.วังทองหลาง และสน.ห้วยขวาง ทำให้เชื่อได้ว่าขบวนการนี้ก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง ล่าสุด ตำรวจกำลังตรวจสอบหมายจับค้างเก่า และคดีเก่าที่เคยก่อเหตุของนายโอภาส เพื่อพิจารณาว่า ยังอยู่ในอายุความที่จะดำเนินคดีหรือไม่ และสาวถึงเครือข่ายที่เกี่ยวข้องต่อไป