21 มีนาคม 2566 เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รองผบ.ตร. พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. ร่วมกัน แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติด 7 คดี จับกุมผู้ต้องหา 20 คน ยึดของกลางยาบ้า 15.5 ล้านเม็ด, ไอซ์ 880 กิโลกรัม, คีตามีน 450 กิโลกรัม รถยนต์ 9 คัน และมือถือ 11 เครื่อง รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 24 ล้านบาท
คดีแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สกส. ,บก.ขส.และบก.ปส. 3 ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 4 คนได้แก่ นายเอกยุทธ นายธนนันท์ นายธนธัส และนายณัฐพล เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง อยู่ในอำเภอพบพระ จังหวัดตาก ใช้รถกระบะ 4 คัน เพื่อสำรวจเส้นทางและขนยาเสพติด โดยนำผักมาวางปิดบังยาเสพติดไว้เพื่ออำพราง
จับกุมได้ของกลางไอซ์ 600 กิโลกรัม, ยาบ้า 12 ล้านเม็ด ,คีตามีน 400 กิโลกรัม, โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง, รถกระบะ 4 คันและเงินสด 50,000 บาท โดยผู้ต้องหาทั้งหมดรับสารภาพว่ากำลังลำเลียงยาเสพติดไปส่งมอบให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง
คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจกก.2 บก.ปส.1 จับกุมผู้ต้องหา 4 คนในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี สามารถยึดอายัดทรัพย์สินเครือข่ายไว้ตรวจสอบหลายรายการ เช่น บ้านเดี่ยว 2 ชั้นพร้อมที่ดิน 3 หลัง ราคาประมาณ 20 ล้านบาทและที่ดินเปล่า 1 แปลง รวม 23 ล้านบาท
คดีที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจบก.ปส. 2 และบก.ขส.ได้ร่วมกันตรวจยึดยาบ้า 8 กระสอบ รวม 2 ล้านเม็ด ได้ในบริเวณไร่มันในเขตพื้นที่หมู่ 5 บ้านโคกสว่าง ตำบลหนองแสงอำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี พร้อมยึดรถกระบะ 2 คัน โดยผู้ต้องหาได้ขับรถกระบะหลบหนีเข้าไปในไร่มันสำปะหลังแล้วทิ้งรถพร้อมยาเสพติดไว้ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่บก.ปส. 2 กำลังเร่งติดตามตัวและขยายผลเจ้าของรถมาดำเนินคดีต่อไป
คดีที่ 4 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.2 ได้สืบสวนขยายผลจากการจับกุมแก๊งค้ายาเสพติดในจังหวัดปทุมธานีทราบว่ามีเครือข่ายยาเสพติดลักลอบค้ายาเสพติดในจังหวัดปทุมธานี จึงนำกำลังเข้าจับกุมนายปรีชา,นายนัฐพงษ์,นายอนุชาและน.ส.มนัดยา (สงวนนามสกุล) ได้ที่บริเวณบ้านเลขที่ 88/6 ตำบลบึงคำพร้อย อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี
พร้อมตรวจยึดของกลาง คีตามีน 31 กิโลกรัม ภายในบ้านและติดตามจับกุมนายอรุณและนางกรรณิการ์ที่บริเวณโรงแรมไนซ์อิน ตำบลบางพูน อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี พร้อมคีตามีนที่ซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์รวม 15 กิโลกรัม รวมทั้งหมด 46 กิโลกรัม ผู้ต้องหารับว่าเป็นยาเสพติดที่จะนำไปส่งให้ลูกค้าในจังหวัดปทุมธานี
คดีที่ 5 จากการสืบสวนหาข่าวของตำรวจบก.ปส. 2 สืบทราบว่า มีกลุ่มวัยรุ่นผู้หญิง 3 คน ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือลงสู่ภาคใต้ โดยแฝงตัวเป็นผู้โดยสารซุกซ่อนอำพรางยาเสพติดในกระเป๋าเดินทางและเดินทางโดยรถทัวร์จากกรุงเทพฯไปยังจังหวัดนราธิวาสและจังหวัดยะลา
ตำรวจบก.ปส.2 ได้เฝ้าติดตามกระทั่งพบผู้ต้องหาทั้ง 3 นั่งรอรถโดยสารอยู่บริเวณจุดรับส่งผู้โดยสารภายในอาคารผู้โดยสารขนส่งสายใต้ใหม่ ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน จึงเข้าตรวจค้น พบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าทั้งหมด 6 ใบ รวมยาบ้า 3 แสนเม็ดผู้ต้องหารับสารภาพว่า รับยาบ้ามาจากจังหวัดเชียงรายนำไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสและยะลา
คดีที่ 6 เจ้าหน้าที่ตำรวจนปส.ฝาง บก.ปส. 3 สืบทราบว่านายเก่งและนายนิกรขับรถทะเบียน บธ 5435 พะเยาลำเลียงยาเสพติดจากบ้านห้วยบอน ตำบลเวียง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อส่งลูกค้า ก่อนนำรถไปจอดทิ้งไว้ข้างถนนเส้นทางฝาง-แม่สรวย เจ้าหน้าที่ตำรวจพบ ไอซ์ 281 กิโลกรัม ต่อมาจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองได้ที่ด่านตรวจแก่งปันเต้า ตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
คดีที่ 7 ตำรวจ บก.ปส. 4 ร่วมกับ บก.ขส. จับกุมนายซาการียา (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี ได้ที่บริเวณด่านตรวจเกาะหม้อแกง ตำบลท่ากำชำ อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ขณะขับรถกระบะลำเลียงยาเสพติดไปยังจังหวัดชายแดนใต้ ก่อนถูกสกัดจับพบยาบ้า 1,436,000 เม็ด บรรจุอยู่ในกระสอบอาหารสัตว์ซุกซ่อนอยู่ในท้ายรถกระบะ โดยมีฟูกที่นอนวางซ้อนทับอยู่เพื่ออำพราง
เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดถูกแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า,ไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 (คีตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนหรือเป็นการกระทำที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐต่อไป
พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รองผบ.ตร. กล่าวว่า สำหรับการจับกุมทุกคดีต้องมีการขยายผล สืบสวนต่อไป ตั้งแต่สารตั้งต้น ผู้ร้ายข้ามแดน ทำให้รอบด้าน รวมถึงการประสานความร่วมมือกับเพื่อนบ้าน ที่ผ่านมามีการส่งผู้ต้องหากลับไปเพื่อดำเนินคดีที่ประเทศเพื่อนบ้านด้วย เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความร่วมมือกัน
ส่วนสถานการณ์นำเข้าสารตั้งต้น รัฐบาลได้สั่งระงับไปหลายตัวแล้ว ทั้งที่นำเข้ามาเพื่อรอส่งไปประเทศที่สาม มีการยึดและตรวจสอบอยู่หลายตู้ และยังมีการเตรียมนำเข้า โดยได้ร่วมกับศุลกากร ตรวจยึดและอายัดไว้ พร้อมกับแสวงหาความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ทุกฝ่ายพยายามทำเต็มที่ เพื่อปราบปรามยาเสพติด คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยไม่ยอมให้ประเทศไทยเป็นทางผ่านของขบวนการค้าเสพติดอีกต่อไป