หนุ่มพนักงานเคลมประกัน ร้องเพจสายไหมฯ ถูกชายอ้างเป็นตร.ชักปืนขู่

5 มีนาคม 2566 นายโบ๊ท (นามสมมติ) พนักงานตรวจสอบอุบัติเหตุ บริษัทประกันแห่งหนึ่ง เดินทางเข้าขอความช่วยเหลือกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังไปเคลมประกัน รถชนให้ลูกค้า แต่ถูกชายคู่กรณีของลูกค้า อ้างตัวเป็นตำรวจบางขุนเทียน ก่อนชักปืนในขู่ เหตุไม่พอใจที่ให้ไปเคลียร์ที่สถานีตำรวจ


นายโบ๊ท เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวาน (4 มีนาคม 2566) เวลาประมาณ 5 โมงเย็น บริเวณถนนเอกชัย ช่วงซอยเอกชัย 71 ตนเข้าไปตรวจสอบอุบัติเหตุระหว่างรถยนต์ของลูกค้า และรถจักรยานยนต์ ของผู้ก่อเหตุ พอไปถึงก็ขอเอกสารตามขั้นตอน ตนสังเกตเห็นแต่งกายคล้ายตำรวจ ซึ่งเขาอ้างเป็นตำรวจ เลยไม่ติดทะเบียน 

พอตรวจสอบพบเลขตัวถังรถในสำเนากับตัวรถเลขเดียวกัน แต่ทะเบียนที่ระบุในสำเนาเป็น 1ขร35xx กทม. ป้ายที่ติดรถเป็นเลข 1ขร58xx กทม. ซึ่งเลข ไม่ตรงกัน ตอนนั้น ตนเชื่อว่าเป็นตำรวจ และคุยกันปกติ ตกลงจ่ายค่าเสียหายที่ 4,000 บาท ซึ่งเขาขอต่อรองราคา แต่ตนทำให้ไม่ได้จึงบอกให้ไปลงประจำวันที่ สน. แต่ถ้าไป สน.ก็ต้องเป่าเมาด้วย ตรงนี้อาจจะทำให้เขาไม่พอใจนึกว่า เราไปขู่เขา

"จังหวะนั้นเขาเอาปืนออกมาจากกระเป๋า แล้วขึ้นสไลด์ แต่แฟนเขาห้ามไว้ ซึ่งผมยังบอกผมมีลูกเล็ก อย่าทำผมเลย จากนั้นเขามีการโทรตามพวกมา ผมเห็นท่าไม่ดีจึงบอกให้ลูกค้าแยกย้ายก่อนเพื่อความปลอดภัย หลังเกิดเหตุผมไม่กล้าไปแจ้งความ เพราะ ถ้าเขาเป็นตำรวจจริงก็กลัวถูกแกล้ง" นายโบ๊ท กล่าว

 
ด้าน นายเอกภพ ระบุว่า หลังจากนี้จะพาผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่ สน.บางขุนเทียน ฝากไปยังผู้ก่อเหตุถึงคุณจะเป็นใครก็ตาม ไม่มีสิทธิ์ที่จะเอาปืนออกมาขู่ประชาชนแบบนี้ ถึงจะเป็นตำรวจจริงถ้าออกเวรแล้วก็ไม่มีสิทธิ์ ฝากไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.บางขุนเทียน ช่วยตรวจสอบด้วย และฝากไปยังผู้อำนวยการเขตจอมทอง ช่วยตรวจสอบว่า เป็นคนของเขตท่านหรือไม่ 

ตร.เรียกตัวหนุ่มคู่กรณี พนักงานประกันแจ้งข้อหา ก่อนปล่อยตัว


ต่อมา ที่ สน.บางขุนเทียน นายเอกภพ พานายโบ๊ท เข้าพบ พ.ต.อ.พายัพ สมบูรณ์ ผกก.สน.บางขุนเทียน เพื่อแจ้งความดำเนินคดี หลังถูกคู่กรณีขอเจรจาลดค่าเคลมประกันรถจากเหตุรถเฉี่ยวชนและเกิดความไม่พอใจ ก่อนหยิบอาวุธปืนออกมาข่มขู่ และอ้างเป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติด 

นายโบ๊ท กล่าวว่า เมื่อช่วงเวลา 16.00 น.ของเมื่อวานนี้ (4 มี.ค.66) ตนได้ไปวิ่งเคลมเหตุรถเฉี่ยวชนกันบริเวณซอยเอกชัย 71 โดยคู่กรณีที่เป็นฝ่ายประมาท คือ นายเอ (นามสมมติ) ได้ต่อรองขอลดราคาเคลมจากราคา 5,000 เหลือ 3,500 บาท โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด 

ต่อมาได้แจ้งว่าให้ไปตกลงกันที่โรงพัก และยังบอกด้วยว่าหากไปที่โรงพัก อาจต้องถูกดำเนินคดีเมาแล้วขับ หรืออาจผิดวินัยถูกทำโทษ เนื่องจากเห็นว่าเป็นตำรวจ ตอนนั้นตนเห็นว่าในมือของนายเอมีกระป๋องเบียร์อยู่ด้วย ทำให้นายเอ เกิดอารมณ์ฉุนเฉียวไม่พอใจ แต่ตอนนั้นทางลูกค้าของตน ไม่อยากมาโรงพัก มีการขอส่วนลดให้เหลือ 3,500 บาท 

“เขาข่มขู่ว่าอย่าให้เจอที่ สน.จะเล่นทุกเคสเลย และอย่าให้เจอข้างนอกนะ ขณะที่ทางแฟนผู้ก่อเหตุได้โอนเงินค่าเคลม จำนวน 3,500 บาท ไปที่บริษัทประกันภัย จึงออกใบเสร็จให้ พร้อมกับมีการพูดกล่าวหาว่าผมพูดว่านายเอ ชนแล้วหลบหนี ซึ่งผมไม่ได้พูดแต่อย่างใด” นายโบ๊ท ระบุ

ต่อมา ภายหลังจากตรวจสอบกล้องวงจรปิดจุดเกิดเหตุจนทราบตัวผู้ก่อเหตุ ทาง พ.ต.อ.พายัพ ได้ให้ฝ่ายสืบสวน ไปเชิญตัวนายเอ ผู้ก่อเหตุ เข้ามาพบพนักงานสอบสวนที่โรงพัก เพื่อสอบปากคำ พร้อมกับนำอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุมาตรวจสอบพบเป็นปืนปลอมแบบแมกกาซีน

เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานและสอบปากคำนายเอ ผู้ก่อเหตุ ก่อนจะปล่อยตัวชั่วคราว เพื่อพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาพกพาสิ่งเทียมอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ รวมถึงข้อหาอื่นๆ หากเข้าข่ายความผิดก็จะเรียกตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป