svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

“ชูวิทย์” ร้อง อสส.- ก.อ. สอบวินัยอัยการสั่งไม่ฟ้อง ลูก-เมียเสี่ยกำพล คดีค้ามนุษย์

14 กุมภาพันธ์ 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

“ชูวิทย์” ยื่นหนังสือร้อง “อสส.-ประธาน ก.อ.” สอบวินัยอัยการสั่งไม่ฟ้อง ลูก-เมียเสี่ยกำพล คดีค้ามนุษย์วิคตอเรียซีเครท

14 กุมภาพันธ์ 2566 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนเเจ้งวัฒนะ นายชูวิทย์ กมลวิษฎ์ อดีตนักการเมือง เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนขอให้ตรวจสอบพฤติการณ์ของพนักงานอัยการระดับอธิบดีอัยการ ที่มีคำสั่งไม่ฟ้อง นายธนพล และนางนิภา วิระเทพสุภรณ์ ลูกและภรรยาของนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ ในคดีค้ามนุษย์และคดีที่เกี่ยวข้องคดีค้ามนุษย์วิคตอเรียซีเครท 

“ชูวิทย์” ร้อง อสส.- ก.อ. สอบวินัยอัยการสั่งไม่ฟ้อง ลูก-เมียเสี่ยกำพล คดีค้ามนุษย์

นายชูวิทย์ กล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องจากการบุกช่วยเด็กสาว อายุ15 ปี ที่ถูกบังคับค้าประเวณีในมาเลเซีย การสืบสวนพบเกี่ยวข้องกับอาบ อบ นวด วิคตอเรียซีเครท ในไทย ต่อมา มีการบุกตรวจค้นและพบการกระทำความผิดเข้าข่ายค้าประเวณีและค้ามนุษย์ โดยขณะนั้นมีการพิจารณาคดีเเยกเป็น 2 สำนวน สำนวนเเรกเป็นคดีนอกราชอาณาจักร มีอัยการสูงสุดเป็นผู้มีอำนาจสอบสวน คดีที่ 2 มีการดำเนินคดีกับนายกำพล วิระเทพสุภรณ์กับภรรยาเเละลูก 

ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องในสำนวนคดีนอกราชฯ ซึ่งในคำพิพากษาของศาลชั้นต้นคดีดังกล่าวมีการพิพากษาเกินคำขอ ไปวินิจฉัยในส่วนพฤติการณ์ของนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ กับภรรยา เเละลูก ว่าไม่มีความผิดฐานค้ามนุษย์ จึงเป็นเหตุให้อธิบดีอัยการที่รับผิดชอบสำนวนนำคำวินิจฉัยของคำพิพากษาดังกล่าวมาเป็นเหตุในการสั่งไม่ฟ้องนายธนพล และนางนิภา วิระเทพสุภรณ์ ลูกและภรรยาของนายกำพล คงเหลือเเต่นายกำพลคนเดียว 

เมื่ออัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องสำนวนจะถูกส่งไปยังดีเอสไอเพื่อทำความเห็นเเย้ง ซึ่งอธิบดีดีเอสไอในยุคดังกล่าวก็เห็นตามด้วย ไม่เเย้งความเห็นของอัยการคดีสิ้นสุดด้วยการสั่งไม่ฟ้อง เเต่ในส่วนนายกำพลที่ยังสั่งฟ้องอยู่เพราะยังไม่มีอัยการสูงสุดคนไหนกล้าสั่งไม่ฟ้อง เเต่ที่ตนต้องมาร้องเพราะกระบวนการยุติธรรมต้นน้ำเเละกลางน้ำมันบิดเบี้ยว 

“ชูวิทย์” ร้อง อสส.- ก.อ. สอบวินัยอัยการสั่งไม่ฟ้อง ลูก-เมียเสี่ยกำพล คดีค้ามนุษย์

นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ต่อมาในคดีนอกราชฯที่ศาลชั้นต้นสั่งยกฟ้องนั้น ต่อมาศาลอุทธรณ์ซึ่งเป็นศาลสูงมีคำวินิจฉัยว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในส่วนของครอบครัวนายกำพลเป็นคำพิพากษาเกินคำขอ พิพากษากลับเเละลงโทษจำคุกจำเลยในคดีนอกราชฯดังกล่าว โดยที่อัยการกลับนำเเค่คำพิพากษาของศาลชั้นต้นมาสั่งไม่ฟ้องลูกกับเมียนายกำพล จนต้องมีการถอนหมายจับ และทำให้ลูกเเละภรรยาของบุคคลดังกล่าวกลับเข้าในในธุรกิจอาบอบนวดที่มีการค้ามนุษย์อีกครั้ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับ "สารวัตรซัว" ด้วยโดยมีลักษณะเป็นหุ้นส่วนกัน  ซึ่งความผิดที่สั่งไม่ฟ้องในคดีค้ามนุษย์นั้นเป็น ความผิดมูลฐานของข้อหาฟอกเงินซึ่งจะส่งผลต่อการยึดทรัพย์

โดยในวันนี้นำเอกสารหลักฐานโดยเฉพาะคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์มายื่นต่อ อัยการสูงสุด ประธาน ก.อ. เเละ ก.อ.ทุกคน เพื่อพิจารณาตรวจสอบการกระทำของอธิบอดีอัยการคนดังกล่าว รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องว่าได้กระทำความผิดต่อหน้าที่หรือไม่ รวมถึง ขอส่งคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เพื่อเป็นพยานหลักฐานใหม่ในการนำมาประกอบพิจารณารื้อฟื้นการสั่งคดีที่สั่งไม่ฟ้องเมียเเละลูกนายกำพล

“ชูวิทย์” ร้อง อสส.- ก.อ. สอบวินัยอัยการสั่งไม่ฟ้อง ลูก-เมียเสี่ยกำพล คดีค้ามนุษย์

ด้านนายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นตัวแทนรับหนังสือร้องเรียน  เปิดเผยว่า  คดีนี้ เกิดขึ้นประมาณ 4-5 ปี มาแล้ว โดยภายหลังรับเรื่องจะเรียนอัยการสูงสุดเพื่อมีคำสั่งโดยตนรับปากนายชูวิทย์ว่า จะติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยยืนยันว่าหนังสือร้องเรียนจะถึงมือ อสส.,ประธาน ก.อ. เเละ ก.อ.ทุกคน ซึ่งในคดีนอกราชฯที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องก็เป็นอัยการเองที่ยื่นอุทธรณ์จนศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาลงโทษ

logoline