11 กุมภาพันธ์ 2566 นางนิภาพร (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี น้าสาว พา น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 22 ปี หลานสาว เข้าพบนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เพื่อขอความช่วยเหลือติดตามคดี และขอความเป็นธรรม เกรงจะเกิดอันตรายหลังถูกเจ้าของร้านทุเรียนชื่อดัง ใน อ.แกลง จ.ระยอง กระทำชำเรา พอเมียจับได้ กลับถูกทั้งผัวทั้งเมียรุมทำร้าย จับแก้ผ้ามัดเสาประจาน และกล้อนผม
นายเอกภพ กล่าวว่า น้าของเหยื่อ ได้ติดต่อมาทางเพจ ขอความช่วยเหลือ หลังหลานสาวอายุ 22 ปี ที่ทำงานในร้านทุเรียนร้านดังใน จ.ระยอง ถูกสามีเจ้าของร้านเข้าไปขืนใจในห้องพักถึง 3 ครั้ง แต่ด้วยความกลัว เลยไม่กล้าแจ้งความ พอจะลาออกก็ไม่กล้า เพราะเบิกเงินมาใช้ก่อนหน้านี้
กระทั่งวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ภรรยาเจ้าของร้านโทรมาหาให้เข้าไปพบ ก่อนจะยึดรถ มือถือ แล้วจับแก้ผ้า กล้อนผม ซ้อมต่อหน้าพนักงาน รวม 5 คน ซ้ำให้พนักงานถ่ายคลิป ทุบตีที่อวัยวะเพศ และตามตัว
ด้าน น.ส.เอ ผู้เสียหาย เล่าว่า ก่อนหน้าเคยทำงานที่ร้านอยู่แล้ว ช่วงเดือน เมษายน 2565 เจ้าของร้านตามให้กลับไปทำงาน กระทั่งเดือนกันยายน 2565 ได้ลาคลอด 3 เดือน จากนั้นเจ้าของร้านให้ลูกน้องโทรมาให้กลับไปทำงาน และกินเลี้ยงปีใหม่ในวันที่ 29 ธันวาคม 2565
ต่อมาวันที่ 5 มกราคม 2566 เจ้าของร้านผู้ชาย เข้ามาข่มขืนกระทำชำเราถึงในห้องนอน และข่มขู่ห้ามบอกใคร ซึ่งทำแบบนี้มา 3 ครั้ง และอีก 2 ครั้ง ตอนพาคนงานไปเที่ยว จ.เชียงใหม่ โดยทักมาให้ไปหาที่ห้องพัก ที่ต้องยอมเพราะเป็นหนี้อยู่ 40,000 บาท และขู่จะดำเนินคดี
น.ส.เอ เล่าอีกว่า ช่วงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เจ้าของร้านผู้หญิง จับได้ว่าสามีมามีอะไรกับตน สั่งให้ตนรออยู่ที่ร้าน แต่ด้วยความกลัวจึงหนี แต่ถูกยึดกุญแจรถไว้ กระทั่งเวลา 04.00 น. วันที่ 10 กุมภาพันธ์ เจ้าของร้านกลับมาแต่ไม่เจอตัวเลยทักข้อความมาหาให้กลับมา ถ้าไม่กลับมาหาจะแจ้งความลักทรัพย์ เพราะมือถือที่ตนใช้เป็นของร้านที่ให้ไว้ใช้งาน และขู่ว่าจะเอาเรื่องทั้งหมดไปบอกพ่อแม่ที่จังหวัดหนองคาย
ตอนนั้นด้วยความกลัวจึงต้องยอมไปหาที่ร้าน พอกลับมาถึงที่ร้าน ทั้งสามีและภรรยาเจ้าของร้าน ตรงเข้ามาทำร้ายร่างกายตนทันที พร้อมบอกว่า ตนไปทำแบบนี้กับเมียเขาได้ยังไง ตัวเองก็งงว่าเขาพูดแบบนั้นได้ยังไง จากนั้นคนสามี ได้จับตัว ส่วนภรรยา เจ้าของร้านจับตัวเองแก้ผ้า โดยบอกให้คนถ่ายคลิป ก่อนถูกชก ถูกตีด้วยด้ามร่มทั่วทั้งตัว ตอนนั้นไม่มีคนเข้ามาช่วย เพราะที่ยืนดูนั้นเป็นหลาน และเพื่อนของเจ้าของร้าน
น.ส.เอ เล่าต่อว่า หลังจากนั้นพยายามจะจับตัวเองใส่กระสอบไปซ้อมหลังร้านแต่กระสอบเล็กไป จึงอุ้มตนไปมัดกับเสาหลังร้านในสภาพที่เปลือยกาย ทุบตีอีกรอบ ตอนนั้นภรรยาหันไปถามสามีว่า "มึงชอบคนผมยาวมากใช่ไหม" ก่อนให้คนไปเอากรรไกรมากล้อนผมออก
และทิ้งไว้แบบนั้นนานกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนจะเอาตัวเองขึ้นไปขังบนห้องโดยไม่ให้กินข้าวกินน้ำ แล้วทุบตีอีกรอบ พอถึงตอนเช้าเจ้าของร้านมาคุยเรื่องเงินที่เบิกไปก่อน บังคับให้หามาให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะแจ้งความ จึงติดต่อไปที่น้าสาวให้เข้ามาช่วย
ด้าน นางนิภาพร น้าสาว กล่าวว่า ตอนที่ไปพบหลานครั้งแรกตกใจมาก หลานอยู่ในสภาพสะบักสะบอมไปทั้งตัว นอนกับพื้น ตอนนั้นไม่ได้คิดเรื่องอื่นห่วงแต่หลาน เพราะที่ผ่านมาตัวเจ้าของร้านผู้หญิงมีอารมณ์ร้อน เลยกลัวหลานเป็นอันตราย พอไปถามก็ได้คำตอบว่าหลานเราไปทำกับเขาได้ยังไงทำให้เขาเจ็บ
โดยตัวเองพยายามเคลียร์จนเอาตัวน้องออกมาได้ พอไปแจ้งความตำรวจลงประจำวันไว้เพียงแค่ทำร้ายร่างกายไม่มีเรื่องกักขังหน่วงเหนี่ยว อนาจาร บอกแต่ว่า ค่อยมาเคลียร์กันทีหลัง เท่าที่ทราบตัวเจ้าของร้านเป็นคนมีชื่อเสียง ตอนนี้รู้สึกกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
ทั้งนี้ นายเอกภพ จะพาผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่สโมสรตำรวจ ในวันจันทร์ ที่ 13 ก.พ. เวลา 09.00 น. ต่อไป