svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

"ชูวิทย์" ยกคดี "แยม-ตู้ห่าว" เทียบชัดการกล่าวหาคดี 2 มาตรฐาน

18 ธันวาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ชูวิทย์" เทียบคดี "แยม-ตู้ห่าว" ภาพชัดการกล่าวหาคดี 2 มาตรฐาน ระบุ วันหนึ่งเราอาจถูกดำเนินคดี ด้วยหลายมาตรฐานในกฎหมายฉบับเดียว

18 ธันวาคม นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตเจ้าของสถานบันเทิงและนักการเมือง โพสต์เฟซบุ๊ก “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” พร้อมภาพ เปรียบเทียบ คดีพนันออนไลน์กับคดี “ตู้ห่าว” โดยระบุว่า อั้ม แยม คดีพนันออนไลน์ VS ตู้ห่าว คดียาเสพติด

วันก่อน พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช นำกำลังบุกจับกุม “อั้มและแยม” ผัวเมีย ได้เงินสด ทรัพย์สินมากมาย พร้อมตั้งข้อหา “สมคบฟอกเงิน” อย่างรวดเร็วทันที เพราะคดีจัดให้เล่นการพนันวงเงินเกิน 5 ล้าน เป็น “มูลฐานการฟอกเงิน” โดยไม่ต้องทำท่ารีๆ รอๆ

แต่ “ตู้ห่าว” โดนคดียาเสพติดร้ายแรงแท้ๆ กลับไม่ยอมตั้งข้อหา “สมคบฟอกเงิน” ทั้งที่เป็นความผิดมูลฐานเช่นเดียวกัน ร้ายแรงต่อสังคมมาก เพราะเป็นยาเสพติด และกำลังขยายผลไปเป็น “อาชญากรรมข้ามชาติ” จากการร้องต่ออัยการสูงสุดของผม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :


ชูวิทย์ เทียบมาตรฐานดำเนินคดี “อั้ม แยม คดีพนันออนไลน์-ตู้ห่าว คดียาเสพติด"


จนบัดนี้ ตำรวจยังประสานเสียงบอกว่า “กำลังรอหลักฐานตรวจสอบเส้นทางการเงินจากธนาคารเพื่อพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา นาย “ตู้ห่าว” ฐานฟอกเงิน” ส่วนคดี “พนันออนไลน์” ของนาย “อั้มและแยม” ตั้งข้อหา “สมคบฟอกเงิน” ได้ทันที ไม่เห็นต้องรอตรวจสอบกับธนาคาร

เข้าทาง ปปง. เพราะพนันออนไลน์เงินมาก แต่กับ “ตู้ห่าว” รอก่อน ยาเสพติด อิทธิพลเยอะ ไม่เอา คดี “ตู้ห่าว” ยังพบยาเสพติดมากมายในพื้นที่เกิดเหตุ “จินหลิง” ผ่านไปใกล้ครบกำหนดฝากขัง 84 วัน หากฟ้องไม่ทัน หรือตั้งข้อหาใหม่เพิ่มไม่ได้ ต้องปล่อยตัว “ตู้ห่าว” ไม่ก็ฟ้องไปเท่าที่ตั้งข้อหา

มันเป็นเรื่องน่าแปลกใจ สำหรับประชาชนอย่างพวกกระผม ว่าทำไม คดี “ตู้ห่าว” รอแล้วรอเล่า พูดเหมือนกันว่า “รอหลักฐานครบก่อน” และยืนยันว่า ข้อหา “สมคบยาเสพติด” เป็นข้อหาหนักกว่าฟอกเงิน เพราะโทษถึงประหาร แต่ท่านตำรวจที่เคารพ เมื่อไม่มีหลักฐานแน่นหนา หรือพยานกล้าชี้ตัวว่า นายตู้ห่าว อยู่ในที่เกิดเหตุ ย่อมหลุดคดียาเสพติด

หากตั้งข้อหา “สมคบฟอกเงิน” ด้วย ซึ่งต้องตั้งพ่วงกันไปอยู่แล้วคู่กัน ก็จะทำให้ “ตู้ห่าวและเครือข่าย” ดิ้นไม่หลุด แม้ “ตู้ห่าว” หลุดคดียา แต่ไม่หลุดคดีฟอกเงิน ยังต้องตอบว่า 10 ปีที่ผ่านมา มีทรัพย์สินกว่า 5,000 ล้าน ได้อย่างไร? เอาเงินที่ไหนมา? เครือข่ายที่ร่วมกระทำความผิด จะต้องโดนไปด้วยถ้วนหน้า

ตอบที่มาของเงินไม่ได้ ก็ต้องถูกยึด ทีชาวบ้านทั่วไป ตำรวจตั้งข้อหาเกินครอบคลุมไว้ก่อน แล้วให้ไปแก้ต่างเอาเอง หรืออัยการอาจเห็นว่ามากไป ให้เอาออก หรือแม้แต่ไปถึงศาลท่าน ยังยกข้อหาไม่ลงได้อีก แต่กับ “ตู้ห่าว” ไม่รู้เกรงใจอะไรกันหนักหนา ทั้งๆ ที่เป็นคดียาเสพติด ไม่ตั้งข้อหาฟอกเงินให้รวดเร็ว เหมือนกลัวว่าไปโดนกล่องดวงใจทรัพย์สินใคร ที่ยังไม่ทันตั้งตัว

ชูวิทย์  เคยกล่าว กระทรวงยุติธรรมที่พึ่งสุดท้าย

ข้อหา “ฟอกเงิน” ไม่ตั้งวันนี้ ก็ต้องตั้งวันหน้า หรือตำรวจไม่ตั้ง อัยการมาก็ต้องตั้งอยู่ดี เสียอย่างเดียว คือ “เวลา” ที่ทำให้มีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินที่นอมินีถือแทน แล้วยังไม่ได้อายัดเท่านั้น  ดูเหมือนว่า ทีม “บิ๊กก้อง” จะเข้าใจการทำงาน ชัดเจนมากกว่า “ทีมบชน.” ที่ออกลูกลีลารอเคลียร์

นี่ขนาดประชาชนทวงถามเป็นคดีใหญ่ สังคมติดตามจับจ้อง ยังดื้อตาใส ทำตัวศรีธนญชัยเรียกพี่ มักตอบเป็นแบบฟอร์มสำเร็จรูปว่า “คดีนี้ตำรวจจะไม่สั่งคดีตามกระแส” แต่ผมเสริมให้ว่า “คงไม่สั่งคดีตามกระสุน” ด้วยนะครับ

เพราะกระสุนอิ่มกว่ากระแสครับ ท่าน ผบ.ตร. คิดเหมือนผมไหมครับ

นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ยังโพสต์ใต้คอมเมนต์ด้วยว่า หากตำรวจทีม บชน. ใช้กฎหมายและกฎเกณฑ์การตั้งข้อหาที่ต่างกันกับทีมบชก. แล้ว หมายความว่า การตีความของกฎหมายไม่ได้เป็นมาตรฐานเดียวกัน พวกเราในฐานะผู้ถูกบังคับใช้กฎหมาย จะมั่นใจการทำงานของพวกท่านได้อย่างไร?

วันหนึ่ง เราอาจถูกดำเนินคดี ด้วยหลายมาตรฐานในกฎหมายฉบับเดียว อย่างที่เห็นในอดีต แต่สำหรับครั้งนี้ ผมจะทำให้ทุกคนเห็นได้ชัดเจนที่สุด

logoline