รวบหนุ่มอ้างเป็นพนง.บริษัทดัง หลอกเปลี่ยนคิวอาร์โค้ด รับเงินในแอปวอลเล็ท

16 ธันวาคม 2565 ที่ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จากกรณีเมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีชายแอบอ้างตนเองและแต่งกายคล้ายพนักงานของบริษัทสื่อสารชื่อดัง เดินทางไปตามร้านขายสินค้าทั่วไปในพื้นที่จ.นนทบุรี อ้างว่าจะดำเนินการเปลี่ยนรหัสคิวอาร์สำหรับรับเงิน หรือ QR CODE ภายในแอปพลิเคชั่นวอลเล็ทของค่ายให้แก่ร้านค้าต่างๆ ก่อนจะโอนเงินในบัญชีจากร้านค้าเข้าบัญชีตนเอง ก่อนหลบหนี มีผู้เสียหายหลายรายด้วยกัน

กระทั่ง วันที่ 15 ธันวาคม 2565 เวลา 15.40 น. คนร้ายได้ก่อเหตุซ้ำในพื้นที่ จ.นนทบุรี จนตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด ทราบชื่อต่อมาคือ นายจรัสพันธ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี พร้อมด้วยของกลาง  2 รายการ คือ โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ SAMSUNG รุ่น J6 สีม่วง จำนวน 1 เครื่อง และ รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ Honda Wave 110 สีขาวแดง ใช้ในการก่อเหตุ 

ต่อมา จากการตรวจสอบพบว่า คนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์โดยมีพฤติการณ์ในลักษณะเดียวกันมาแล้วในพื้นที่จ.นนทบุรี กว่า 61 เหตุ ความเสียหายรวมกว่า 148,222.64 บาท และมีประวัติต้องโทษคดีอาญาเกี่ยวกับทรัพย์อีกจำนวน 2 คดี ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1" และความผิดฐาน "ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น"

พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่าได้ก่อเหตุลักทรัพย์ดังกล่าวด้วยตนเองเพียงคนเดียว โดยนำเงินที่ได้จากการก่อเหตุไปใช้หนี้สินนอกระบบและเล่นพนันออนไลน์ จนเงินในบัญชีธนาคารเหลือ 350 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาเคยเป็นพนักงานของบริษัทย่อยของบริษัทดังกล่าวจริง ตั้งแต่ปี 2563 แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว จึงขยายผลการจับกุมให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อผู้ต้องหาต่อไป

เบื้องต้น ได้ตั้งข้อหาลักทรัพย์โดยมียานพาหนะ แต่เนื่องจากผู้ต้องหาก่อเหตุหลายพื้นที่จึงตั้งข้อหาเดียวแต่ต่างกรรมต่างวาระ จึงต้องประสานทั้งผู้เสียหายและตำรวจแต่ละพื้นที่ที่ผู้ต้องไปก่อเหตุมา

นายจรัสพันธ์ ผู้ต้องหา กล่าวว่า เมื่อก่อนเคยเป็นพนักงานบริษัทดังกล่าวจริง แต่ลาออกมาแล้ว ตอนนี้ไม่ได้ทำงานอะไร จึงอาศัยประสบการณ์ที่ตนเองเคยเป็นพนักงาน คุ้นเคยกับระบบทำคิวอาร์โค้ด และมีข้อมูลลูกค้าเก่าอยู่แล้วจึงได้กระทำไป ส่วนใหญ่เวลาหลอกผู้เสียหายจะไม่โอนเงินจากบัญชีทั้งหมด แต่จะโอนบางส่วนเท่านั้นเพราะกลัวว่าผู้เสียหายจะรู้ตัว ส่วนเงินที่ได้มานั้นก็นำไปใช้หนี้และเล่นพนันออนไลน์จนหมด จึงได้มาก่อเหตุซ้ำอีกรอบจนโดนจับในที่สุด.