svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

งงมาก “พ่อค้าส้มตำ” ร้องถูกตร.จับนอนคุก เป็นแพะคดีลักทรัพย์ มูลค่านับล้าน

“พ่อค้าส้มตำ” ร้อง “สายไหมต้องรอด” ตกเป็นแพะคดีลักทรัพย์ มูลค่ากว่าล้านบาท ถูกจับนอนคุก ทั้งที่ช่วงเกิดเหตุต้องพักรัษาตัวจากอุบัติเหตุ เผยเจ้าของบ้านระบุถูกตำรวจบังคับชี้ตัว

23 ตุลาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเกรียงไกร โภคทวี อายุ 36 ปี พ่อค้าส้มตำ พร้อมครอบครัว เดินทางเข้าพบทีมงาน เพจสายไหมต้องรอด เพื่อให้ช่วยเหลือทวงความยุติธรรมกลับคืน หลังตกเป็นแพะในคดีลักทรัพย์พระเครื่อง มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท เมื่อ 2 ปีก่อน ทั้งที่ไม่ได้ทำ ไม่เคยรับเหมา หรือทำงานก่อสร้างมาก่อน

 

งงมาก  “พ่อค้าส้มตำ”  ร้องถูกตร.จับนอนคุก  เป็นแพะคดีลักทรัพย์ มูลค่านับล้าน

 

หนำซ้ำก่อนวันเกิดเหตุตนเองประสบอุบัติเหตุนอนโรงพยาบาลนานนับเดือน กระทั่งถูกตำรวจตามจับขังคุก 3 วัน ต้องกู้หนี้ยืมสินมาประกันตัว พร้อมแจ้งความกลับเจ้าของบ้านที่แจ้งความเท็จ ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง สุดท้ายเจ้าของบ้านยอมรับถูกพนักงานสอบสวน สน.บางขุนนนท์ บังคับชี้ตัวทั้งๆที่บอกไม่ใช่ หากจะเรียกค่าเสียหายให้ไปเรียกกับพนักงานสอบสวนที่ออกหมายจับ

นายเกรียงไกร เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ ขณะที่ตนเองกำลังยืนขายลาบส้มตำอยู่ที่ร้าน ริมถนนใกล้ซอยสวนผัก 27 มีตำรวจกองบังคับการสืบสวนนครบาล7 นำหมายจับมาแสดงให้ดูพร้อมบอกว่าตนเองเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีลักทรัพย์ 

 

งงมาก  “พ่อค้าส้มตำ”  ร้องถูกตร.จับนอนคุก  เป็นแพะคดีลักทรัพย์ มูลค่านับล้าน

 

ยอมรับว่าตอนนั้นงงมาก เพราะไม่เคยไปทำอะไรแบบนั้นวันๆได้แต่ขายของที่ร้าน เมื่อสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกลับบอกว่ามีหน้าที่มาตามจับตามหมาย ตอนนั้นตนเซ็นรับทราบว่าเป็นบุคคลตามหมาย แต่ปฎิเสธไม่ได้ก่อเหตุ ก่อนถูกนำตัวมาขังที่สน.บางขุนนนท์

จากนั้นมารู้สาเหตุที่ถูกจับเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2563 มีผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางขุนนนท์ ว่าถูกช่างที่จ้างมาทำบ้านลักทรัพย์ไป ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เคยมีความรู้เรื่องการรับเหมา ไม่รู้จักเจ้าของบ้าน  คนรับเหมา หรือคนอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะวันที่ 23 มิถุนายน 63 ตนนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานนับเดือน เนื่องจากประสบอุบัติเหตุ แล้วจะไปก่อเหตุได้ยังไง

 

หลังถูกจับก็ต้องกู้หนี้ยืมสินมาประกันตัวกว่า 26,000 บาท เมื่อสอบถามทางคดี ทั้งพนักงานสอบสวนทั้งเจ้าของบ้านก็ปฏิเสธไม่รับรู้กับเรื่องที่ตนถูกจับ

 

งงมาก  “พ่อค้าส้มตำ”  ร้องถูกตร.จับนอนคุก  เป็นแพะคดีลักทรัพย์ มูลค่านับล้าน

 

ซึ่งมาทราบจากเจ้าของบ้านต้นเรื่องว่าวันที่ตำรวจเอาภาพถ่ายตนมาให้ดู เจ้าของบ้านได้บอกกับพนักงานสอบสวนไปแล้วว่าตนเองไม่ใช่คนก่อเหตุ แต่พนักงานสอบสวนบังคับให้ชี้ยืนยันว่าตนเองเป็นผู้ก่อเหตุจนเป็นที่มาของการออกหมายจับ ถ้าจะเอาเรื่องให้ไปเอากับพนักงานสอบสวนที่ออกหมายจับเอง

 

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ครอบครัวเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ร้านก็ต้องปิดเพราะต้องเดินเรื่องคดีที่ตกเป็นแพะ ที่แย่ไปกว่านั้นตอนถูกจับมีชาวบ้านเห็นเหตุการณ์จำนวนมาก พอประกันตัวออกมาก็ถูกคนในชุมชนตราหน้าว่าเป็นคนขี้ขโมย สงสารลูกที่ถูกเพื่อนล้อเป็นลูกโจรด้วย

 

โดยวันนี้จึงมาขอให้ทางสายไหมต้องรอดช่วยตามเรื่องคดีเพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับครอบครัวตนเอง

 

งงมาก  “พ่อค้าส้มตำ”  ร้องถูกตร.จับนอนคุก  เป็นแพะคดีลักทรัพย์ มูลค่านับล้าน

ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เปิดเผยว่า สำหรับคดีนี้เป็นความเสียหายของพ่อค้าส้มตำที่ถูกออกหมายจับทั้งที่ไม่ใช่ผู้ก่อเหตุ จุดเริ่มต้นมาจากเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 63 ผู้เสียหายมีการจ้างผู้รับเหมาสองคนมาต่อเติมบ้าน จากนั้นมาพบว่าพระเครื่องในบ้านหายไป 7 รายการ มูลค่าประมาณ 1 ล้านบาท

 

จากนั้นได้มีการเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสน. บางขุนนนท์ ซึ่งมีการสืบสวนเรื่องราวจนมีการออกหมายจับตัวพ่อค้าส้มตำรายนี้ไป

 

ซึ่งความเสียหายในกรณีนี้เกิดขึ้นตอนชุดสืบสวนของบก.น7 ไปจับตัวทำให้คนในซอยมามุงดู ต่างพูดกันว่าพ่อค้าคนนี้เป็นคนขี้ขโมย พอไปถึงโรงพักได้มีการปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องเพราะตัวเองประสบอุบัติเหตุปางตายนอนอยู่โรงพยาบาลศิริราช ไม่มีทางมาก่อเหตุได้แน่นอนตัวเค้าเองไม่ได้มีอาชีพก่อสร้างประกอบอาชีพขายส้มตำ ไม่รู้จักแม้กระทั่งบ้าน 

 

“ความสำคัญอยู่ที่เขาถูกจับอยู่ในห้องขังสน.ถึง 3 วัน และอยู่ในห้องขังของศาลอีก เงินไม่มีต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาประกันตัวออกมา”

 

งงมาก  “พ่อค้าส้มตำ”  ร้องถูกตร.จับนอนคุก  เป็นแพะคดีลักทรัพย์ มูลค่านับล้าน

 

เมื่อได้พบกับเจ้าของบ้านที่แจ้งความได้มีการพูดคุยกัน โดยระบุว่าตอนพนักงานสอบสวนเอารูปพ่อค้าส้มตำมาให้ดูก็ได้ยืนยันกับพนักงานสอบสวนที่ทำคดีนี้ไปแล้วว่า พ่อค้าส้มตำไม่ใช่ผู้ก่อเหตุ คนที่ไปทำบ้านมี 2 คน จำหน้าตาได้เป็นอย่างดี แต่พนักงานสอบสวนไม่ฟังกลับบังคับให้ชี้ตัวพ่อค้าคนนี้  ซึ่งมีหลักฐานเป็นข้อความที่เจ้าของบ้านแชตเล่าเรื่องทั้งหมดกับพ่อค้าส้มตำ

 

ในกรณีดังกล่าว ต้องหาว่าใครจะต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้  จากนี้จะประสานงานผู้ที่เกี่ยวข้องรวมถึงพาไปกระทรวงยุติธรรมเรื่องการเยี่ยวยาผู้เสียหายในคดีอาญา  เพราะถือว่าเป็นผู้เสียหายที่ต้องไปอยู่ในคุก ตามหลักของกฎหมาย การปล่อยคนกระทำผิด 10 คน ยังไม่เท่ากับการจับผู้บริสุทธิ์ 1 คน