17 ตุลาคม 2565 จากกรณี ศรชล. ร่วมกับตำรวจชุดปฏิบัติการประมง จับกุมเรือประมงปลอมแปลงสัญชาติ จากมาเลเซีย ซึ่งลักลอบเข้ามาทำการประมงโดยผิดกฎหมาย จำนวน 5 ลำ และได้มีการดำเนินคดีพร้อมยึดเรือทั้งหมดไว้เป็นของกลาง และเก็บรักษาไว้ที่ ด่านศุลกากรสงขลา โดยเมื่อวันที่ 17 มี.ค. 65 ด่านศุลกากรสงขลา ได้มีการขายทอดตลาด เรือของกลางทั้ง 5 ลำ มีผู้เข้าร่วมประมูล 9 ราย
ต่อมา คณะทำงานเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ ควบคุม เฝ้าระวังการทำประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ได้ตรวจพบความผิดปกติ ในการประมูลเรือของกลางทั้ง 5 ลำ จึงได้รายงานต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และได้มีคำสั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องด้วย
โดยพฤติการณ์ในคดีนี้ เชื่อว่า มีการฮั้วประมูล ซึ่งเมื่อตรวจสอบชื่อและนามสกุล ของผู้เข้าร่วมในการเสนอราคา รวมถึงที่อยู่จริงของผู้เข้าร่วมเสนอราคา พบความผิดปกติ กล่าวคือ ผู้ชนะเสนอราคา และผู้เข้าร่วมการเสนอราคา เรือของกลางทั้ง 5 ลำ มีความเชื่อมโยงกัน อีกทั้งเมื่อเสร็จสิ้นการประมูล ผู้ชนะการประมูล ได้นำเรือทั้ง 5 ลำ เดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย อย่างผิดกฎหมาย
ซึ่งได้มีการแจ้งข้อหา จำนวน 8 รายดังนี้ 1.นางเพ็ญฤดี อิ่มทั่ว 2.นางสมสวย คงวัดใหม่ 3.นายสุรัตน์ บัวผุด 4.นางเรืองศรี อิ่มทั่ว 5.นางพิมพา นวลทอง 6.นายโชคชัย เหมพลเทพ 7.น.ส.รุ่งนภา พราหมวิเชียร 8.นายสุรชัย จารุธรรมาภรณ์
และยังพบพฤติกรรมของกลุ่ม จนท. รัฐ เข้าร่วมทำผิด มีเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากร ร่วมกระทำความผิดจำนวน 10 รายและผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่จำนวน 8 ราย รวมทั้งหมด 18 ราย โดยต่อมาจากการรวบรวมพยานหลักฐาน จึงได้แจ้งข้อกล่าวหากับเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่ร่วมกระทำผิดจำนวน 10 ราย ดังนี้
1. นายยุทธนา พูลพิพัฒน์ ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 มีหน้าที่เป็นผู้พิจารณาอนุมัติวิธีจำหน่ายของกลางและอนุมัติการขายทอดตลาด
2.นายวรชาติ คงจินดามณี ตำแหน่ง นิติกร สำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 มีหน้าที่ ตรวจสอบ กลั่นกรอง และประมวลเรื่องในข้อเท็จจริง ระเบียบ และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เสนอต่อผู้บังคับบัญชา ในความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172
3.นางสาวจินตนา คงเมือง ตำแหน่ง นายด่านศุลกากรสงขลา มีหน้าที่ เป็นผู้พิจารณาอนุมัติการขายทอดตลาด
4.นางสาวอมรรัตน์ ผาสุข ตำแหน่ง หัวหน้าฝ่ายบริการศุลกากรที่ 2 ด่านศุลกากรสงขลา และเป็นกรรมการ
5.นายวีรศักดิ์ บุญทอง เป็นประธานคณะกรรมการ
6.นายสุชาญ เทพไชย เป็นคณะกรรมการ
7.นางสาวชญานิน สุทธากาศ เป็นคณะกรรมการ
8.นายสุรเชษฐ ปานสี เป็นคณะกรรมการ
9.นางพรทิพย์ สีดาวงศ์ เป็นคณะกรรมการ
10.นางสาวกรกนก ฐิติพรวณิช เป็นคณะกรรมการ
ซึ่งลำดับที่ 1 , 3 - 10 เป็นผู้มีหน้าที่เป็นกรรมการขายทอดตลาด และเป็นผู้มีอำนาจอนุมัติขายทอดตลาดเรือประมงทั้ง 5 ลำ ในความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 172
และมีผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 มาตรา 157 จำนวน 8 ราย ดังนี้
1.นางเพ็ญฤดี อิ่มทั่ว
2.นางสมสวย คงวัดใหม่
3.นายสุรัตน์ บัวผุด
4.นางเรืองศรี อิ่มทั่ว
5.นางพิมพา นวลทอง
6.นายโชคชัย เหมพลเทพ
7.น.ส.รุ่งนภา พราหมวิเชียร
8.นายสุรชัย จารุธรรมาภรณ์
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีที่ประชาชน และสื่อมวลชน รวมทั้งองค์กรจากต่างประเทศ ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งการเอื้อประโยชน์ในลักษณะของการฮั้วประมูล เป็นการเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ แสวงหาประโยชน์ที่มิชอบจากผู้ประมูลได้ ก่อให้เกิดผลเสียหายก่อประเทศชาติ ซึ่งเป็นการละเว้นไม่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ อันมีผลทำให้ปัญหาในการเรื่องนี้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่รัฐ
สำหรับการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐนั้น เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ได้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ ที่มีการรับสินบน ในการดำเนินการเกี่ยวกับการตรวจสอบเรือ ขาเข้า - ขาออก ในประเทศ จำนวน 11 ราย โดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง จำนวน 6 คน เจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า จำนวน 2 คน และเจ้าหน้าที่สาธารณะสุข จำนวน 3 คน
โดยทั้ง 11 ราย ซึ่งถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงาน เรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 1 แสนบาทถึง 4 แสนบาท หรือประหารชีวิต