วันนี้ (12 ต.ค.) ทีมโฆษกสำนักงานอัยการอัยการสูงสุด นำโดย นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ ผู้ตรวจการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และรองโฆษก อสส. อีก 4 คน ประกอบด้วย นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช.) นายคถา สถลสุด อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด นายทรงพล สุวรรณพงศ์ ผู้ช่วยเลขานุการอัยการสูงสุด และ นายจิตภัทร พุ่มหิรัญ อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงข่าวเกี่ยวกับการปฏิบัติงานตามนโยบายของอัยการสูงสุดใน 4 นโยบายหลัก คือ ยกระดับ ปรับเปลี่ยน วางรากฐาน สานต่ออนาคต
นายโกศลวัฒน์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า นโยบายอัยการสูงสุด จะให้ความสำคัญกับการให้ความรู้ทางกฎหมาย กับประชาชน โดยให้สำนักงานอัยการแต่ละพื้นที่ เปิดทำการเพื่อให้บริการวันเสาร์แล้ว 110 สาขา ทั่วประเทศ เพื่อให้บริการประชาชนในวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันหยุดราชการที่ประชาชนอาจสะดวกกว่าวันธรรมดา นอกจากนี้ยังมีนโยบายในเชิงรุก โดยการใช้รถโมบายไปจอดตามสถานที่ หรืองานต่างๆ เพื่อตอบคำถามปัญหากฎหมายแก่ประชาชน โดยอัยการคุ้มครองสิทธิ์ พร้อมช่วยเหลือประชาชนทุกระดับ เพื่อให้รู้แนวทางการต่อสู้คดีของตนเอง
สำหรับเหตุการณ์อดีตตำรวจกราดยิงเด็ก ชาวบ้านบาดเจ็บและเสียชีวิต ที่จ.หนองบัวลำภู พนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิภาค 4 ได้ลงพื้นที่ตั้งแต่วันเกิดเหตุ เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบกว่า 30 ครอบครัว โดยการช่วยดูแลตั้งแต่เรื่องการกรอกเอกสาร ให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย รวมถึงเรื่องการแจ้งสิทธิ์ การช่วยเหลือเยียวยาที่ควรได้รับ ให้กับผู้บาดเจ็บและญาติผู้เสียชีวิต
นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ด้านคดีเกี่ยวกับยาเสพติดนั้น สำนักงานอัยการสูงสุดให้ความสำคัญมาตลอดอยู่แล้ว มีสำนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติดที่อยู่ในส่วนกลาง ซึ่งรับผิดชอบคดียาเสพติดโดยเฉพาะ และสำนักงานย่อยพื้นที่ทั่วประเทศ ในส่วนของผู้ค้ายาเสพติดนั้น อัยการจะสั่งฟ้องและบรรยายฟ้องในข้อหาตามพฤติการณ์ที่กระทำผิด เพื่อให้ได้รับโทษสูงสุดอยู่แล้ว
ส่วนผู้เสพยาเสพติดที่มีพฤติกรรมหลอนยา หรืออาการทางจิต ก็จะเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาตามกฎหมาย หากไม่ต้องการให้ถูกดำเนินคดี ซึ่งอัยการจะพิจารณาแต่ละคดีไป ว่าผู้เสพรายนั้นว่ามีพฤติกรรมความรุนแรง ที่น่าเป็นห่วงอาจเป็นภัยสังคมหรือไม่ หากมีก็จะยื่นคำร้องต่อศาลให้พิจารณาให้เข้ารับการบำบัดต่อเนื่อง หรือให้ลงโทษ เพื่อป้องกันไม่ให้ออกไปก่อเหตุรุนแรงกับคนในครอบครัว และสังคมอีก ส่วนคดีอาวุธปืน นั้น มี พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ที่มีอัตราโทษสูงอยู่แล้ว ซึ่งคดีอาวุธปืนเถื่อนนั้น ศาลจะลงโทษโดยไม่รอลงอาญา
ด้าน นายทรงพล รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึง ประเด็นคดีการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ หรือ คดีนักการเมืองว่า เรามี พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบการการทุจริตฯ ซึ่งกำหนดระยะเวลาให้พิจารณาสั่งฟ้องภายใน 120 หรือ 180 วัน แล้วแต่คดี อย่างไรก็ตามเมื่อ ป.ป.ช.ส่งสำนวนคดียังพนักงานอัยการ บางครั้งพยานหลักฐานไม่เพียงพอ หรือคดีหมดอายุความ อัยการก็จำเป็นต้องมีความเห็นว่า มีข้อไม่สมบูรณ์ แล้วคืนสำนวนคดีกลับไปให้ ป.ป.ช.ถ้าไม่เห็นด้วยกับอัยการ ทาง ป.ป.ช.ก็จะดำเนินการสั่งฟ้องเองได้ ส่วนบางคดีที่อาจมีการสั่งล่าช้า เนื่องจากมีผู้ถูกกล่าวหายื่นคำร้อง ขอความเป็นธรรมเข้ามา อัยการก็ต้องสั่งสอบสวนเพิ่มเติม