กองปราบฯจับ "เสี่ยอั๋น" ยิงชายคนสนิทภรรยา เครียดให้การขัดแย้ง

หลังการจับกุมนายรุ่งโรจน์ เทียนย้อย วัย 40 ปี ผู้ต้องหา หรือ "เสี่ยอั๋น" เจ้าของธุรกิจในตลาดมหาชัย ก่อเหตุยิงนายยุทธภัณฑ์ พ่วงนาม อายุ 27 เสียชีวิตในอ่างน้ำรีสอร์ทแห่งหนึ่งในพื้นที่ภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น เมื่อ 7 กันยายน ที่ผ่านมา โดยตำรวจยังสามารถรวบตัวได้พร้อมกับ น.ส.เบญจมาศ ภูคำ ภรรยา วัย  39 ปี ระหว่างขับรถมุ่งหน้าเชียงใหม่ เตรียมหลบหนีข้ามพรมแดนไทย-เมียนมาร์ (อ่านเพิ่มเติม)

วันที่ 9 กันยายน 2565 ล่าสุด พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการกองปราบปราม(ผบก.ป)  พร้อมด้วยพ.ต.ท.เอกสิทธิ์ ปานสีเทา รองผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบ และชุดทำงาน ได้ร่วมกันแถลงข่าว โดยระบุว่า การจากสอบปากคำของตัวผู้ต้องหาและภรรยายังให้การขัดแย้งกันอยู่ ทั้งในเรื่องความหึงหวงและปัญหาทางการเงิน จึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าสาเหตุแท้จริงเกิดจากอะไร และอยู่ในระหว่างพนักงานสอบสวนสอบปากคำอย่างละเอียดและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อสรุปสาเหตุที่เกิดขึ้น

เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่เท่าที่สังเกตพบว่าอยู่ในอาการเครียด ส่วนภรรยาให้การว่า ก่อนหน้านี้ได้ทะเลาะกับผู้ต้องหา ก่อนกลับบ้านมาที่จังหวัดขอนแก่นนาน 1 เดือน และเริ่มสานสัมพันธ์คบหากับชายคนใหม่ คือ นายยุทธภัณฑ์ ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนและไปเที่ยวกันใกล้กับโซนที่พักจุดเกิดเหตุ ก่อนจองที่พักดังกล่าวไว้ ซึ่งผู้ต้องหาทราบจากการโพสต์เช็คอินลงโซเชียล จึงเดินทางมาจากจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อจองที่พักและก่อเหตุ โดยสาเหตุที่ต้องขึ้นรถไปกับผู้ต้องหาหลังเกิดเหตุ เพราะผู้ต้องหาใช้ปืนจี้และบังคับให้ขึ้นรถไป พร้อมยอมรับว่าที่ผ่านมายังติดต่อกันอยู่ ส่วนรายละเอียดเชิงลึกอยู่ในสำนวน

ทั้งนี้ ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ และต้องไปพิสูจน์ทราบจากคำกล่าวอ้างของทั้งคู่อีกครั้ง เนื่องจากทั้งคู่ให้การขัดแย้งกันอยู่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 กันยายน ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 14.00 น. นายยุทธภัณฑ์ ผู้ตาย และนางสาวเบญจมาศ แฟนของผู้ต้องหา ได้เดินทางมาพักที่รีสอร์ทด้วยรถยนต์ Honda CIVIC สีขาว และเปิดห้องพัก 1 ห้อง ก่อนเข้าไปพักและสั่งเบียร์ไปดื่มภายในรีสอ์ท

กระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น. ลูกค้าที่พักอยู่ในห้องอื่นได้ยินเสียงปืนหลายนัด จึงโทรแจ้งผู้จัดการซึ่งอยู่ที่บ้าน ผู้จัดการจึงโทรให้น้องสาวไปตรวจสอบ เมื่อน้องสาวเดินไปจะถึงห้องพักที่เกิดเหตุ ได้เห็นนางสาวเบญจมาศ เดินสวนมาพร้อมกับเสี่ยอั๋นแล้วขับรถ Honda CIVIC สีขาวออกไป

จากนั้นช่วงเช้าวันถัดมาเวลา 08.30 น. แม่บ้านจะไปทำความสะอาดจึงพบร่างผู้เสียชีวิต และพบว่าเสี่ยอั๋นที่พักอยู่ห้องพักหลังที่ 4 ได้หายไป โดยจอดรถจักรยานยนต์ที่ขี่มาจอดไว้ที่นอกรั้วโรงแรม

ต่อมา พนักงานชายของโรงแรมแห่งหนึ่ง (ไม่ใช่โรงแรมที่เกิดเหตุ) ซึ่งเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์มาแจ้งว่าเมื่อวานนี้ (7 ก.ย. 65) เวลาประมาณ 12.00 น. เสี่ยอั๋นที่เคยเข้าพักที่โรงแรมเมื่อ 4 กันยายนที่ผ่านมาได้ขับขี่รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อเบนซ์สีขาว มาจอดรถไว้ที่จอดรถและขอยืมรถจักรยานยนต์ของตัวเองไป โดยที่ขณะนี้ยังไม่กลับมาที่รถอีกเลย จนทราบว่าเสี่ยอั๋นได้ยืมรถจักรยานยนต์มาพักที่โรงแรมที่เกิดเหตุแล้วหลบหนีไป

พนักงานสอบสวน แจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรโดยไม่ได้รับอนุญาต”

อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหามีประวัติทางอาชญากรรมรวม 5 คดี แยกออกเป็นโดยเมื่อปี 2553 ผู้ก่อเหตุได้ก่อเหตุพยายามฆ่าคน ที่จ.สมุทรสาคร /ต่อมาปี 2555ถูกดำเนินคดีในข้อหาครอบครองและพกพาอาวุธปืน /กระทั่งปี2563 นายรุ่งโรจน์ได้ก่อเหตุยิงปืนในช่วงเทศกาลปีใหม่ในพื้นที่ จ.สมุทรสาครอีกจำนวน2คดี / และในห้วงเวลาเดียวกันผู้ก่อเหตุได้ไปก่อเหตุยิงปืนอีกครั้งในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ซึ่งสาเหตุมาจากการหึงหวงน้องชายของภรรยา ซึ่งทั้ง5คดี อยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล แต่นายรุ่งโรจน์อยู่ระหว่างหลบหลบหนีประกันตัวในชั้นศาล จนกระทั้งมาก่อเหตุและถูกจับกุมในครั้งนี้