6 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก.ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พร้อมทีมสืบสวน เร่งตรวจสอบและรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ ในคดี
ทั้งที่ได้จากวัดตรีทศเทพฯ และหลักฐานที่ตรวจค้นได้จากภายในบ้านพักของสีกากอล์ฟ รวมทั้งเร่งผลตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ จำนวนหลายเครื่องของสีกากอล์ฟ ที่เจ้าหน้าที่ขออายัดมาตรวจสอบอย่างละเอียดด้วย
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า จากการตรวจสอบเส้นเงินของเจ้าวาสวัดตรีทศเทพฯ นั้นมีรายงานว่า มีการจ่ายเงินให้กับสีกากอล์ฟไปเพียงหลักล้านบาท ไม่ได้มากมายเหมือนกับคดีของอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ที่มีการนำเงินของวัดมาจ่ายให้กับสีกาคนสนิทหลายร้อยล้านบาท
โดยในรายของอดีตเจ้าอาวาสวัดตรีฯ นั้น ทราบว่าเป็นเงินส่วนตัวของทิดอาชว์ ที่ต้องยอมจ่ายให้ไป เพื่อแลกกับการไม่ต้องถูกร้องเรียน ก่อนที่เรื่องจะบานปลายกลายเป็นข่าวฉาวดังกล่าว
นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่า ที่ผ่านมาสีกากอล์ฟเข้าไปมีความสัมพันธ์กับพระระดับชั้นผู้ใหญ่ ที่ค่อนข้างจะมีฐานะมาแล้วหลายสิบรูป บางรายก็ยังบวชอยู่ บางรายก็ลาสิกขาไปแล้วด้วย บางรูปก็เป็นถึงพระชั้นผู้ใหญ่ ระดับเจ้าคณะจังหวัด ความสัมพันธ์ลึกซึ้งจนถึงขั้นมีบุตรด้วยกัน แต่ให้ญาติคนสนิทไปจดทะเบียนรับเป็นพ่อของเด็กอีกด้วย
ขณะเดียวกันสำหรับจีวรจำนวนหลายผืน ที่พบอยู่ในบ้านของสีกากอล์ฟนั้น มีรายงานว่าเจ้าตัวให้การรับสารภาพแล้วว่า มีใครเป็นเจ้าของบ้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน ก่อนประสานกับหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาร่วมดำเนินการทางวินัยสงฆ์ต่อไป
ทั้งนี้ทราบด้วยว่า มีพระชั้นผู้ใหญ่นับสิบรูปที่เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสีกากอล์ฟ ถึงขั้นปาราชิกไปแล้ว แต่ปัจจุบันก็ยังบวชอยู่อีกด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับปาราชิก 4 คือ อาบัติร้ายแรงที่สุดในพระพุทธศาสนาที่ทำให้ภิกษุขาดจากความเป็นพระภิกษุทันที โดยมี 4 ประการ ได้แก่
1. เมถุนปาราชิก (เสพเมถุน)การร่วมประเวณีกับมนุษย์หรืออมนุษย์ หรือแม้แต่การร่วมกับสัตว์เดรัจฉาน หรือซากศพ
2. อทินนาทานปาราชิก (ลักทรัพย์) การถือเอาทรัพย์ของผู้อื่นที่เจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตนเอง โดยมีราคาตั้งแต่ 5 มาสก (ประมาณ 1 บาท) ขึ้นไป
3. มนุสสวิคคหปาราชิก (ฆ่ามนุษย์) การจงใจฆ่ามนุษย์ หรือส่งเสริมให้ผู้อื่นฆ่ามนุษย์ หรือแม้แต่การทำแท้ง
4. อุตตริมนุสสธรรมปาราชิก (อวดอุตริ) การกล่าวอวดอ้างคุณวิเศษที่ตนไม่มีจริง เช่น อ้างว่าตนเองบรรลุธรรม หรือมีฤทธิ์เดช หากภิกษุต้องอาบัติปาราชิกข้อใดข้อหนึ่ง ถือว่าขาดจากความเป็นภิกษุทันทีต้องสึก และไม่สามารถแก้ไขได้อีกด้วย