
ฐานข้อมูลวิชาการ : รศ.ดร.ฐิติวุฒิ บุญยวงศ์วัชร (ม.เชียงใหม่) ระบุว่า
“หม่อง ชิต ตู่” ชื่อเต็มว่า “ซอ ชิต ทู” หรือ “ซอ ชิต ตู่” เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า “Saw Chit Thu”
ตำแหน่งในอดีต :
เส้นทางหน้าที่ ชีวิตทหาร
ความสำคัญ “หม่อง ชิต ตู่”
“หม่อง ชิต ตู่” เป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลในพื้นที่ชายแดนเมียนมา-ไทย มีบทบาทสำคัญในกลุ่มติดอาวุธกะเหรี่ยง และมีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นที่ถกเถียงในรัฐกะเหรี่ยง (สัมปทานเมืองบาป)
บทบาททางเศรษฐกิจ :
ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในโครงสร้างอำนาจของรัฐกะเหรี่ยง
การประกาศแยกตัวจากกองทัพเมียนมา ส่งผลกระทบต่อสมดุลอำนาจในพื้นที่ชายแดน และแนวโน้มของความขัดแย้งในอนาคต
แปรพักตร์ #1
ก่อนปี 2537 หรือเมื่อ 31 ปีก่อน พันเอก ซอ ชิตตู่ เป็นนายทหารสังกัด KNU น้องรัก นายพล ทิน หม่อง ผบ.KNU/KNLA กองพล 7 รับผิดชอบเมืองเมียวดี
นายพลทิน หม่อง คือนักรบคู่ใจของ นายพลโบเมียะ ผู้นำกะเหรี่ยง KNU ยุคสงครามเย็น!!
ปี 2537 ทหารกะเหรี่ยง KNU ที่นับถือศาสนาพุทธ ได้แยกตัวออกจากนายพลโบเมียะ ก่อตั้ง “กองกำลังกะเหรี่ยงพุทธ” (DKBA) พันเอก ซอ ชิต ตู่ แปรพักตร์ไปอยู่กับ DKBA
ปี 2538 นำกำลังทหาร DKBA ร่วมกับกองทัพเมียนมา เข้าตีค่ายกอมูร่าของ KNU แตก ได้ปูนบำเหน็จจากกองทัพเมียนมา ดูแลค่ายกอมูร่า และเก็บผลประโยชน์จากการทำไม้ริมแม่น้ำเมย บริเวณบ้านก๊กโก่
แปรพักตร์ #2
ปี 2538 บ้านก๊กโก่ จ.เมียวดี ตรงข้าม อ.แม่ระมาด จ.ตาก เต็มไปด้วยกองไม้ ป่าอ้อย และฝูงวัว
ปี 2553 พันเอก ซอ ชิตตู่ นำกำลังทหาร DKBA แปรสภาพเป็น “กองกำลังพิทักษ์ชายแดน” หรือ BGF สังกัดกองทัพเมียนมา
ในห้วงเวลานั้น เริ่มมีการทำธุรกิจสีเทา แต่ยังเป็นขนาดเล็ก จับมือกับเพื่อนสนิท แบ่งพื้นที่ดูแล ดังนี้
ทั้งคู่เก็บผลประโยชน์จากการค้าชายแดน + บ่อนพนัน เลี้ยงกองกำลัง BGF และส่งนายทหารเมียนมา
ปี 2560 ให้สัมปทานแก่ทุนจีน สร้างเมืองใหม่ชเวโก๊กโก่ กระทั่งร่ำรวยแบบก้าวกระโดด มีการแบ่งปันผลประโยชน์ให้กองทัพเมียนมาอย่างลงตัว
ในช่วงเวลานั้น “บ้านก๊กโก่” แปรสภาพจากหมู่บ้านค้าไม้ ค้าวัว กลายเป็นเมืองเมืองกาสิโน และเมืองสแกมเมอร์ของทุนจีนเทา (ทยอยย้ายฐานจากพื้นที่อื่น)
แปรพักตร์ #3
ปี 2564 หลังการรัฐประหารในเมียนมา พันเอก ซอ ชิต ตู่ แยกตัวจากกองทัพเมียนมา
ปี 2567 ช่วงเดือนมกราคม ประกาศว่า BGF จะไม่ขอรับเงินหรือเสบียงจากกองทัพเมียนมาอีกต่อไป
ต่อมาในเดือนเมษายน กองทัพกะเหรี่ยง KNLA จับมือ PDF (กองกำลังของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหาร) ตีเมียวดีแตก พื้นที่ ซอ ชิต ตู่ ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะเป็นกะเหรี่ยงด้วยกัน ซึ่งแสร้งวางตัวเป็นกลาง ให้ความหวัง KNU ประกาศตั้งกองกำลังกะเหรี่ยงแห่งชาติ KNA ไม่เป็น BGF แล้ว
กระทั่ง กองทัพเมียนมา เตรียมทิ้งระเบิด “ซอ ชิต ตู่” เร่งเจรจา หวั่นทำลาย “ชเวโก๊กโก่”
สุดท้ายแปรพักตร์ จับมือเมียนมา เปิดทางให้ทหารพม่ากลับเข้าฐานเดิม และตัวเองคุมพื้นที่เบ็ดเสร็จ ขยายเมืองสแกมเมอร์เพิ่มเติมอีกหลายเมือง
จากนั้น ทหารกะเหรี่ยง BGF ภายใต้การนำของ พันเอก ซอ ชิตตู่, พันโท โม้ โต่ง, พันตรี เต่งวิน มีกำลังพลกว่า 1 หมื่นนาย แบ่งพื้นที่ดูแลและเก็บผลประโยชน์ในเมียวดี ทหาร BGF ได้รับเงินเดือน เดือนละ 5 พันบาท
เปิดไลฟ์สไตล์ของ “ซอ ชิต ตู่” พบว่า ร่ำรวยจากการสร้างอาณาจักรชเวโก๊กโก่ สร้างคฤหาสน์หลังงาม หรูหรา มีสวนน้ำ รถไฟเหาะ ที่บ้านจ่าอิน อำเภอแลงปอย จังหวัดผาอัน รัฐกะเหรี่ยง
คฤหาสน์ใช้ไฟฟ้าจากเครื่องปั่นไฟ เนื่องจาก จังหวัดผาอัน มีไฟฟ้าใช้อย่างจำกัด (ไทยตัดไฟจึงไม่กระทบ)
ขณะที่ รสนิยมส่วนตัว ชอบขี่บิ๊กไบค์ หลงใหลกีฬาฟุตบอล จึงจัดการแข่งขันฟุตบอลลีก ภายใน BGF ชิงถ้วยรางวัลหลานสาวคนโปรด
“ใจถึงพึ่งได้” มีภาวะผู้นำสูง ดูแลลูกน้องและชาวบ้านในเขตอิทธิพลของเขา กินดีอยู่ดี มีสวัสดิการหมู่บ้าน เงินที่ได้มาจากเมืองใหม่ “ชเวโก๊กโก่” นำไปสร้างวัด โรงเรียน และโรงพยาบาล