26 พฤศจิกายน 2565 "นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า กรณี "นายปิยบุตร แสงกนกกุล" เลขาธิการคณะก้าวหน้า แสดงความเห็นต่อการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล ที่ผ่านมา 1 ปีแล้ว ยังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่มุ่งหวังเพียงใช้เป็นนโยบายรักษาคะแนนเสียงคนรุ่นใหม่ โดยไม่ได้หวังผลสำเร็จนั้น ส่วนตัวคิดว่าที่นายปิยบุตร กล่าว มีเหตุผล และพร้อมที่จะรับลูกเพื่อไปเดินหน้าต่อ
ทั้งนี้ เพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีการใช้มาตรา 112 ในการทำลายศัตรูทางการเมือง และผู้เห็นต่างมากขึ้น รวมถึงเยาวชน ซึ่งพรรคก้าวไกลได้พยายามไปช่วยประกันตัว และเพิ่มสิทธิเสรีภาพในการพูด ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับว่าในสภาชุดนี้ ยังมีการปิดกั้นการยื่นแก้ไขมาตรา 112
"บางครั้งเราพยายามผลักเพดานในการอภิปรายหลายๆ เรื่อง ให้เป็นเรื่องปกติ เหมือนที่สภาสมัยก่อนเป็น หลายเรื่อง ถ้าทำด้วยความสุภาพ มีวุฒิภาวะ มีเหตุมีผล ก็สามารถพูดได้ พร้อมที่จะใช้เวลาในช่วงที่เหลือดูว่าสามารถทำอะไรในสภาชุดนี้ได้หรือไม่ ถ้าหากไม่ได้ ในสภาชุดหน้าก็ต้องแข็งขันในเรื่องนี้มากขึ้น" นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมาก็มีวิกฤตหลายเรื่อง ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ที่พรรคอาจจะใช้สมาธิกับเรื่องเหล่านั้น เพราะประเทศก็มีความต้องการหลากหลาย แต่ขอยืนยันกับนายปิยบุตร และประชาชนที่ต้องโทษจากมาตรา 112 ได้รับผลกระทบจากการฟ้องมั่วไปหมด รวมถึงอัตราโทษที่ไม่ได้สัดส่วน ซึ่งพรรคก้าวไกลรับปากจะผลักดันเรื่องนี้ต่อไป รวมถึงในสภาด้วย
เมื่อถามว่า ในสมัยหน้า พรรคก้าวไกลจะมีโอกาสยื่นร่างแก้ไขมาตรา 112 เข้าสู่สภาอีกครั้งหรือไม่ นายพิธา ระบุว่า ไม่แน่ใจว่าจะตอบได้หรือเปล่า คงต้องดูตามบริบท แต่ก็จะพยายามสร้างพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุยเรื่องนี้ ซึ่งรัฐสภาก็เป็นที่เหมาะสมที่สุด บางทีต้องคำนึงถึงบุคคลที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรา 112 แล้วยังไม่เข้าใจว่ามันทำลายชีวิตคนได้มากแค่ไหน
สำหรับผลงานด้านการแก้ไขมาตรา 112 ที่เป็นรูปธรรมในปีที่ผ่านมานั้น มีเรื่องการยื่นแก้ไขสู่วาระสภา การอภิปรายงบประมาณที่มีปัญหา และการพยายามยกเพดานทั้งในและนอกสภา รวมถึงการดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรา 112 และพร้อมผลักดันต่อไปอย่างเต็มที่
ส่วนวาระการประชุมในวันที่ 29-30 พ.ย.นี้ ที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 2560 หมวดการปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเชื่อว่ารัฐสภาจะให้ความเห็นชอบร่างแก้ไขฉบับนี้ โดยยืนยันว่าฝ่ายค้านเห็นตรงกันที่จะให้ความเห็นชอบ ส่วนความเห็นของฝ่ายรัฐบาลก็ต้องกระทุ้งถาม เพราะเวลาที่มีการอภิปรายเรื่องการกระจายอำนาจ ทุกคนต่างร่วมแสดงความเห็นอภิปราย
ขณะเดียวกัน ก็ต้องติดตามการพิจารณาของวุฒิสภา ซึ่งเชื่อว่าหลายคนทำงานเรื่องนี้ จะเข้าใจความลำบากของข้าราชการในส่วนภูมิภาค และหาก 3 ฝ่ายเข้าร่วมประชุม ก็เชื่อว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่พิจารณาวาระนี้ แต่ทั้งนี้ไม่แน่ใจว่าจะเข้าสู่วาระการประชุมสัปดาห์นี้หรือไม่ เพราะการประสานงานของวิปทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่ราบรื่น