จับสัญญาณ"รวมพลัง"จ่อไหลร่วม"รทสช."หลังเปิดทาง"ลุงตู่"นั่งแคนดิเดตฯ

ล่าสุดจากการตรวจสอบความเคลื่อนไหวของพรรครวมพลัง ซึ่งมี "ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์" รมว.อุดมศึกษาฯ นั่งเป็นหัวหน้าพรรค ปรากฏว่าพรรคยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เกี่ยวกับการเตรียมหาตัวผู้สมัคร หรือทำกิจกรรมประชุมสาขาพรรค รวมทั้งตั้งตัวแทนพรรคประจำจังหวัด

อย่างไรก็ตาม ทำให้น่าเชื่อว่า พรรครวมพลังอาจตัดสินใจควบรวม หรือย้าย ส.ส.ทั้งหมดไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ

ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่า พรรครวมพลัง มี "สุเทพ เทือกสุบรรณ" หรือ "ลุงกำนัน" เป็นหัวเรือหลัก และประกาศจุดยืนสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ฉะนั้นจึงไม่แปลกหากพรรครวมพลังจะไป "รวมตัว" กับรวมไทยสร้างชาติ ซึ่งมี "เอกนัฏ พร้อมพันธุ์" บุตรบุญธรรมของกำนันสุเทพ เป็นเลขาธิการพรรค 

ขณะเดียวกัน เอกนัฏ เองก็ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ "เนชั่นทีวี" ว่า การรวมพรรคไม่ใช่เรื่องง่าย มีขั้นตอนมากมาย แต่การ"รวมคน"น่าจะง่ายกว่า ซึ่งเท่ากับเป็นการส่งสัญญาณว่า จะมีการไหลมารวมกันของ ส.ส.จากพรรคการเมืองอื่น รวมทั้งพรรครวมพลัง โดยมีพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นจุดหมายปลายทาง 

นักวิชาการประเมิน รทสช. แค่พรรคขนาดกลาง 

ด้าน "รศ.ดร.เชษฐา ทรัพย์เย็น" อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี มองว่า จริงๆ แล้วพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคตั้งใหม่ ไม่มีทางเลือกเชิงกลยุทธ์มากนักในช่วงใกล้เลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในปีหน้า เนื่องจากเป็นพรรคใหม่ และไม่มี ส.ส.ในมือ ดังนั้น ยุทธศาสตร์ที่มีพลังสุด จึงต้องใช้การสร้างแรงดึงดูดจากตัวบุคคลที่มีต้นทุนทางสังคมสูงอยู่แล้วในขณะนี้ นั่นคือการเปิดโอกาสอ้าแขนต้อนรับ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือมีตำแหน่งในพรรค ถือเป็นทางเลือกที่น่าจะตอบโจทย์พรรคใหม่อย่างรวมไทยสร้างชาติที่สุด 

การเข้ามาของ พล.อ.ประยุทธ์ จะทำให้ช่วยเสริมแรงในการดึงบ้านใหญ่จังหวัดต่างๆ เข้ามาอยู่ใต้ชายคาพรรคง่ายขึ้น ทำให้มีโอกาสได้ชัยชนะในเขตเลือกตั้งต่างๆ มากขึ้น และจำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ จะได้มากขึ้น ถ้ามีชื่อ "ลุงตู่" เป็นตัวชูโรง 

รศ.ดร.เชษฐา ประเมินว่าทิศทางของพรรครวมไทยสร้างชาติ ถ้าไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ แล้วเข้าไปสู้ศึกเลือกตั้ง ก็น่าจะเป็นพรรคเลขตัวเดียว ดังนั้น เพื่อยกระดับพรรคใหม่ของตัวเอง จึงจำเป็นต้องมี พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งอาจส่งผลให้ยกระดับ ไปเป็นพรรคขนาดกลางย่อมๆ ได้