สืบเนื่องจาก ผู้เสียหาย แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสน.บางขุนนนท์ ถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวง โดยเอาเพชรปลอมมาจำนำครั้งละ 1-2 เม็ด ตามร้านสาขาต่างๆ รวม 21 ครั้ง ทำให้ได้รับความเสียหายเป็นเงินกว่า 16 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อประมาณ วันที่ 15 มิ.ย. 2565 ถึง 20 ต.ค. 2565
วันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 ผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย เป็นชาวต่างชาติ 1 และชาวไทย 1 ราย ประกอบด้วย Mr.Sajan Dilpkumar Shah หรือ นายซาจัน ดิบคูมาร์ อายุ 32 ปี สัญชาติ อินเดีย ได้ที่ ถนนในซอยอินทรพิทักษ์ 1 แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร และนายธนะสิทธิ์ สถิตมงคลไพศาล อายุ 45 ปี ภูมิลำเนาในเขตภาษีเจริญ จ.กรุงเทพฯ ได้ที่ บ้านเลขที่ 94 ถ.ตากสิน บางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพ
โดยตำรวจฝ่ายสืบสวน นำโดย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. นำกำลัง เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 5 พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง , พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ จงเจริญ , พ.ต.ต.สุริยะ น้อยภักดี , พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ เสวกวัง , ร.ต.อ.ปรมา ปราณี, ร.ต.ท.พุฒิพงศ์ กองแก้ว , จ.ส.ต.สรศักดิ์ ด้วงชู, ส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย
พร้อมตรวจยึด ตั๋วรับจำนำจำนวน 10 ฉบับ วัตถุคล้ายเพชรอีกเป็นจำนวน 18 รายการ ใบรับรองเพชร จำนวน 19 ฉบับ 4.โทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชีธนาคาร ชื่อบัญชี Mr.Sajan Dilipkumar นามบัตร โทรศัพท์มือถือและเอกสารที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจเกี่ยวกับเพชร
การจับกุมครั้งนี้ เกิดขึ้นภายหลังการตรวจสอบซึ่งพบว่า มิจฉาชีพกลุ่มนี้ มีผู้ร่วมขบวนการเป็นชาวต่างชาติ และแหล่งผลิตทำเพชรปลอมนำเข้ามาจากต่างประเทศ พร้อมทั้งมีการทำใบรับรอง : Certificate หรือที่เรียกว่า “ใบเซอร์” ตบตาทางร้านได้อย่างแนบเนียน จนทางร้านผู้เสียหายหลงเชื่อ รับจำนำเพชรในราคาที่สูง แต่ได้ "เพชรปลอม" สูญเงินจำนวนมาก จากแผนประทุษกรรมของกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้ถือว่าเป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจอย่างยิ่ง
เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อยื่นขอหมายจับศาลอาญาตลิ่งชันที่ จ.549/2565 ลงวันที่ 3 พ.ย. 65 เพื่อรวบตัวนายชาจัน ผู้ต้องหารายแรก และยื่นขอหมายจับศาลอาญาตลิ่งชันที่ จ.548/2565 ลงวันที่ 3 พ.ย. 65 เพื่อรวบตัวนายธนะสิทธิ์ ผู้ต้องหารายที่ 2 ในข้อกล่าวหา ร่วมกันฉ้อโกง , ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม
เบื้องต้น นายธนะสิทธิ์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองทำร้านจิวเวอรี่ มาโดยตลอด และรับซื้อ ขาย เพ็ชร ต่อมา นายซาจัน ได้เข้ามาที่ร้าน ทำความรู้จัก แล้วเสนองานให้รับวางจำนำเพ็ชร ที่นายซาจัน เตรียมมาจากประเทศอินเดีย โดยเป็นเพ็ชร ที่มีใบเซอร์ GIA ตรงกับเลขตัวเพชร ตามสถานที่รับจำนำต่างๆ
โดยเริ่มต้นวางจำนำที่ โรงรับจำนำย่านบางแขกโดยนำเพ็ชรมาจำนำที่ร้านนี้ตั้งแต่ปี 59 เรื่อยมา จนถึง ปัจจุบัน แต่ล่าสุดเริ่มวางจำนำ เดินสายโรงรับจำนำ เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2565 ย่านบางใหญ่ นนทบุรี เป็นที่แรก แล้วได้วางจำนำเรื่อยมา ตามสาขาต่างๆ ได้แก่ แยกไฟฉาย , บรมราชชนนี”
ขณะที่ นายซาจันฯ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และให้การว่า ตนทำธุรกิจค้าขายเพชรมานานกว่า 10 ปี โดยขายเพชรมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1,000 กะรัต มีเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 100 ล้าน ซึ่งช่วงแรกซื้อเพชรมาจากประเทศอินเดีย ฮ่องกง บางครั้งก็ซื้อในประเทศไทยเพื่อขายเกรงกำไร และตั้งแต่ช่วงเดือน กุมภาพันธ์ 2565 ถึงปัจจุบัน ตนมาจำนำเพื่อรอขายในประเทศไทย หากเป็นเพชรเม็ดใหญ่ จะนำเพชรพร้อมใบรับรอง GIA มาให้ตนที่ประเทศไทย ครั้งละ 5 – 6 เม็ด
หากเป็นเพชรเม็ดเล็ก จะจัดส่งพัสดุมาให้ตนที่ประเทศไทย และเมื่อตนตรวจดูรหัสเพชรแล้ว เห็นว่า รหัสเพชรตรงกับใบรับรอง น่าเชื่อว่าเป็นเพชรจริง จึงรับฝากขายไว้ จะแบ่งเป็นค่าจ้างให้นายธนะสิทธิ์ฯ ครั้งละประมาณ 10,000 บาท และตั้งแต่เดือน มิ.ย.-ต.ค.65 ตนได้เงินจากการนำเพชรไปจำนำแล้วประมาณ 13 ล้านบาท
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวเตือนภัยไปยังพี่น้อง
ประชาชนว่า อย่ารับจ้างไปจำนำหรือทำธุรกรรใดๆแทนคนแปลกหน้าเพื่อหวังเงินค่าดำเนินการ เพราะอาชญากรรมจะมาในรูปแบบที่ท่านไม่รู้ตัว และจะทำให้ท่านต้องถูกดำเนินคดีอย่าตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อง่ายๆ หากพบเบาะแสสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ ศูนย์ PCT 081-8663000 เวลาราชการหรือสายด่วน บช.สอท. 1441 หรือ www.pct.police.go.th ตลอด 24 ชม.