กฎหมายเกณฑ์ทหารของเมียนมาที่บังคับใช้เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์นั้น ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับพลเมืองผู้ชายที่อายุตั้งแต่ 18-35 ปี และผู้หญิงอายุตั้งแต่ 18-27 ปี ซึ่งไม่ว่าจะมีงานประจำหรือทำเรือกสวนไร่นา ก็จะต้องทิ้งไปรับใช้ชาติอย่างน้อย 2 ปี แต่ในความเป็นจริงอาจจะนานถึง 5 ปี จึงเกิดเป็นช่องทางสร้างรายได้ของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่รับสินบนจากคนที่ไม่ต้องการเป็นทหารอย่างเปิดเผย
ความสิ้นหวังที่จะรักษาพื้นที่ควบคุม ที่สูญเสียให้แก่กองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ และกองกำลังของพันธมิตรเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งทหารก็ยอมวางอาวุธหรือหนีทัพข้ามพรมแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน หรือไม่ก็ไปเข้าร่วมกับฝ่ายต่อต้าน ทำให้รัฐบาลทหารต้องออกกฎหมายเกณฑ์ทหาร แต่กลับกลายเป็นการสร้างอุตสาหกรรมทุจริตขึ้นมาใหม่ โดยใช้ความกลัวการเกณฑ์ทหารของผู้คนมาเป็นทางเลือก แหล่งข่าวคนหนึ่งที่ต้องไปเกณฑ์ทหารบอกว่า
"พวกเราได้รับแจ้งว่า ถ้าไม่อยากไป (สนามรบ) ก็จ่ายเงินมา จะได้จัดให้ไปลงที่อื่น"
แหล่งข่าวบอกว่า สินบนที่ต้องจ่ายมีมูลค่าตั้งแต่ 500,00 จ๊าต (8,900 บาท) ถึง 50 ล้านจ๊าต (883,000 บาท) ขึ้นอยู่กับพื้นที่และโควต้าที่ต้องการ ซึ่งจะเห็นว่าแม้กระทั่งราคาที่ต่ำสุด ก็ยังสูงกว่ารายได้เฉลี่ยต่อเดือนของคนงานในเมียนมาหลายเท่า ชายคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในเมืองอินตาดะบอกว่า เขานำเงิน 3 ล้านจ๊าต (53,000 บาท) ไปมอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดด้วยตัวเอง
พลเรือนหลายพันคนพากันหนีออกจากเมืองใหญ่สู่ชนบท ซึ่งถ้าไม่ไปเข้ากับฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารก็หนีออกนอกประเทศไปเลย ในบางพื้นที่เจ้าหน้าที่ยอมลาออกเองเพราะถูกกดดันจากประชาชนที่โกรธแค้น และต้องหาทหารให้ได้ตามโควต้าที่กำหนด
ผู้ที่เดือดร้อนที่สุดคือ คนในครอบครัวยากจนทั้งในย่างกุ้งและเมืองอื่น ๆ ที่ถูกบังคับให้เป็นทหารโดยไม่มีทางเลือก แต่ทางการกลับบังคับให้ครัวเรือนอื่น ๆ เลี้ยงดูครอบครัวของทหารเหล่านี้ และจ่ายเงินเดือนให้พวกเขาด้วย