ซาอุดีอาระเบียเปิดศึกน้ำมันกับสหรัฐฯ ระลอกใหม่

เจ้าชายอับดุลลาซิซ บิน ซัลมาน รัฐมนตรีพลังงานของซาอุดีอาระเบีย โจมตีสหรัฐฯ ในที่ประชุมนักลงทุนที่กรุงริยาด ที่ปล่อยน้ำมันจากคลังสำรองฉุกเฉินซึ่งถือเป็นความพยายามเข้าไป "ควบคุมตลาด" และบอกด้วยว่าผู้คนกำลังใช้สต็อกฉุกเฉิน ที่ถูกใช้เป็นกลไกจัดการตลาดโดยมีจุดประสงค์เพื่อลดปัญหาการขาดแคลนอุปทาน ซึ่งมันเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องทำให้โลกได้ตระหนักอย่างชัดเจนว่า การสูญเสียน้ำมันในสต็อกฉุกเฉิน อาจกลายเป็นความเจ็บปวดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า 

ถ้อยแถลงของเจ้าชายอับดุลลาซิซ มีขึ้นหลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศว่า เขาจะระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ลอตสุดท้าย 15 ล้านบาร์เรล ออกสู่ตลาด ซึ่งจะทำให้แผนการปล่อยน้ำมันสำรอง 180 ล้านบาร์เรลของไบเดน ที่เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมในการอัดฉีดน้ำมันเข้าสู่ตลาดในภาวะที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงเสร็จสิ้นลง แต่ก็มีแนวโน้มว่าจะมีการแทรกแซงในอนาคตถ้าราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอีก ซึ่งแผนการของไบเดนมีปัจจัยทั้งจากสงครามในยูเครนและการตัดสินใจของกลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+) นำโดยซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย เตรียมลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 2 ล้านบาร์เรล ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป การตัดสินใจของโอเปกพลัสยังมีขึ้นในช่วงใกล้การเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากทำเนียบขาวว่า กลุ่มผู้ทรงอิทธิพลด้านพลังงานกลุ่มนี้เข้าข้างรัสเซียที่กำลังติดพันสงครามในยูเครน

เมื่อถูกถามว่าความเป็นหุ้นส่วนอันยาวนานหลายทศวรรษระหว่างซาอุดีอาระเบียกับสหรัฐฯ จะกลับมาเหมือนเดิมหรือไม่ เจ้าชายอับดุลลาซิซตอบว่า

"ผมคิดว่า... เราในฐานะซาอุดีอาระเบียตัดสินใจที่จะเป็นผู้ใหญ่ให้มากขึ้น ที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต" 

การเอาชนะกันด้านพลังงานได้ส่งผลให้ทำเนียบขาวถูกโจมตีจากภายในประเทศ โดยพรรครีพับลิกันระบุว่าระดับน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์กำลังลดลงสู่ระดับต่ำอย่างอันตราย จากตัวเลขล่าสุดของฝ่ายบริหารข้อมูลพลังงานพบว่า มีการสำรองน้ำมันดิบ 409 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2527 แต่ทำเนียบขาวก็แก้ต่างว่าเตรียมกลไกรับมือในการเติมปริมาณน้ำมันสำรอง โดยจะซื้อน้ำมันเข้าไปเพิ่มในสต็อกถ้าราคาซื้อขายลงไปอยู่ที่ 67 ถึง 72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล