เอกชนห่วงขัดแย้ง 'จีน-ไต้หวัน' กระทบโลจิสติกส์

รองประธานกรรมการหอการค้าไทย ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ระบุ จากกรณีความขัดแย้งระหว่างจีนกับไต้หวันมองว่ายังไม่เห็นผลกระทบโดยตรงกับประเทศไทย แต่มองว่าน่าจะเป็นโอกาสของภาคการส่งออกสินค้าของไทยที่อาจทำให้การค้าขายดีขึ้น แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่าหากเกิดความขัดแย้งรุนแรงขึ้นในน่านน้ำแปซิฟิก จะส่งผลกระทบต่อการระบบโลจิสติกส์ ทำให้การขนส่งสินค้าได้รับผลกระทบได้ ทั้งนี้ ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจะเป็นลักษณะของการแบนเป็นตัวสินค้า จะเกิดผลกระทบระหว่างประเทศที่เป็นคู่กรณีกันมากกว่า ถือว่าเป็นการเปิดช่องความต้องการสินค้าของไทยมากขึ้น และในฐานะสมาชิกเอเปคร่วมกันก็หวังว่าปัญหาทุกอย่างจะคลี่คลายโดยเร็ว

ส่วนปัญหาค่าไฟฟ้าที่กำลังจะขึ้นนั้นส่งผลกระทบทั้งผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรม หลังจากต้องเผชิญความบอบช้ำทางเศรษฐกิจ หลายๆอย่างกำลังเริ่มฟื้นตัว ทั้งการส่งออก การท่องเที่ยว ซึ่งทุกภาคส่วนต้องมีต้นทุนค่าไฟฟ้า ปัญหาคือต้นทุนจะเพิ่มมากน้อยแค่ไหน ในภาคอุตสาหกรรมห้องเย็นก่อนหน้านี้ที่ค่าไฟขึ้นก็ทำให้ต้นทุนเพิ่ม 5-7 แสนบาทต่อเดือน การขึ้นรอบใหม่นี้ต้นทุนจะเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งปัญหานี้ต้องมาดูที่ต้นทุนจริงๆ สุดท้ายต้องปรับขึ้นค่าเช่าก็จะส่งผลกระทบโดยตรงกับราคาสินค้า

จึงอยากฝากภาครัฐว่าจะมีมาตรการช่วยอย่างไรต่อไป การปรับขึ้นค่าไฟฟ้าเวลานี้เหมาะสมหรือไม่ที่ต้องขึ้นมากขนาดนี้ หลังจากที่ราคาพลังงานโลกเริ่มทยอยปรับตัวลดลงแล้ว ในแง่ของความรู้สึกของผู้บริโภคมองว่าทำไมยังต้องขึ้นค่าไฟซึ่งภาครัฐต้องตอบให้ได้