svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

เกษตรฯปลื้มแปลงใหญ่ เตรียมต่อยอดสู่ความยั่งยืน

03 สิงหาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เกษตรฯปลื้มแปลงใหญ่ผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ พร้อมต่อยอดสู่ความยั่งยืน ด้านแกนนำเกษตรกรหวังรัฐยกระดับเกรดเอสู่ศูนย์ถ่ายทอดเทคโลยีใช้เป็นสถานที่ศึกษาดูงานของเครือข่าย

นายรพีทัศน์ อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรเผยความคืบหน้าโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ว่าเป็นนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรดูแล ปัจจุบัน(ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 )มีจำนวนทั้งสิ้น 8,942 แปลง(ตั้งแต่ปี 2559 – 2565)  มีเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ 496,559 ราย คิดเป็นพื้นที่รวม 8,012,325 ไร่ ทำให้เกิดกระบวนการผลิตไปสู่สร้างมาตรฐานสินค้าเกษตรในรูปแบบจีเอพี( GAP)ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีเกษตรกรดำเนินการตามมาตรฐานจีเอพี(GAP) แล้วเกือบ 1.5 แสนราย ผลิตในรูปแบบของเกษตรกรอินทรีย์  2.2 หมื่นราย ถือเป็นการยกระดับคุณภาพสินค้าได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับของตลาดทั้งในและต่างประเทศ

 

“เป้าประสงค์หลักของเราคือให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการได้แบบยั่งยืน ทั้งเรื่องการผลิต การสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมไปถึงการเชื่อมโยงการตลาด เชื่อว่าแนวทางนี้เกษตรกรที่เข้าสู่ระบบแปลงใหญ่จะสามารถยืนอยู่บนฐานของตัวเองได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน”รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรกล่าว

 

นายรพีทัศน์ ยอมรับว่า ที่ผ่านมาปัญหาแปลงใหญ่เกิดจากความไม่พร้อมของสมาชิกเมื่อเข้าสู่ระบบแปลงใหญ่แล้วการพัฒนา จึงเป็นไปค่อนข้างยากลำบาก  ดังนั้นสมาชิกจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในทุก ๆ ด้าน โดยเริ่มจากตัวสมาชิก มีการวางแผนที่ดี เมื่อเข้าสู่กระบวนการพัฒนา ฝึกอบรมตลอดซับพลายเชน สมาชิกก็จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้

 

“เรื่องงบประมาณก็ต้องดูนโยบายรัฐบาลว่าจะขับเคลื่อนต่อไปอย่างไร  ส่วนในเรื่องของกระบวนการพัฒนาเมื่อโครงการสิ้นสุดลง  เกษตรกรกลุ่มนี้ก็จะถูกต่อยอดขยายผลโดยกรมส่งเสริมการเกษตรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยช่วยพัฒนาเขาให้มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้นทั้งในเรื่องกระบวนการจัดการ การสร้างสรรค์ผลผลิตให้เกิดมูลค่าเพิ่มมากกว่าเดิม ถือเป็นเรื่องสำคัญ”

รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรได้เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างเกษตรกรรายเดี่ยวและสมาชิกแปลงใหญ่ โดยย้ำว่ารายเดี่ยวส่วนใหญ่สามารถยืนอยู่ได้ด้วยตนเองได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการหรือสมาร์ทฟาร์มเมอร์ ไม่ต้องหวังพึ่งพาจากหน่วยงานรัฐมากนัก ในขณะเกษตรกสมาชิกแปลงใหญ่ยังไม่สามารถยืนอยู่ด้วยลำแข้งของตนเอง เมื่อเข้ามาเป็นสมาชิกแปลงใหญ่ก็จะสามารถดำเนินการได้ราบรื่นมากกว่า

 

“ผู้ประกอบการหรือสมาร์ทฟาร์มเมอร์เขาสามารถยืนได้ด้วยตัวองอยู่แล้ว  ส่วนเกษตรกรทั่วไปเมื่อเป็นสมาชิกแปลงใหญ่ก็มีอำนาจการต่อรองมากขึ้น การจัดการเรื่องต้นทุนดีขึ้น  การพัฒนาการสร้างมูลค่าเพิ่มก็สามารถทำได้ง่าย เนื่องจากเป็นสเกลที่ใหญ่ขึ้น”   

 

ส่วนความสำเร็จของแปลงใหญ่นั้น นายรพีทัศน์ยอมรับว่า เป็นความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจจากการที่พัฒนาคนจำนวนมาก ๆ ด้วยศักยภาพที่เรามีอยู่ด้วยคนที่จำกัด ซึ่งก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจที่ เพราะเกษตรกรสมาชิกแปลงใหญ่จะได้รับการพัฒนาทั้งในเรื่องการจัดการวางแผนการผลิต  ทำให้มีความเข้าใจในเรื่องการตลาด ตามนโยบายตลาดนำการผลิต

 

“การผลิตทำอย่างไรให้ต้นทุนการผลิตลดลง ประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้น มีผลผลิตต่อหน่วยมากขึ้นได้มาตรฐานที่ตลาดต้องการและทำในสิ่งที่ตลาดต้องการผมคิดว่าแปลงใหญ่เดินมาถูกทางแล้ว เพราะมันเกิดความเชื่อมโยงการตลาดที่ชัดเจน เป็นสิ่งที่กรมส่งเสริมฯและหน่วยงานที่รับผิดชอบแปลงใหญ่มีความพึงพอใจ” รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรกล่าวย้ำ

เกษตรฯปลื้มแปลงใหญ่ เตรียมต่อยอดสู่ความยั่งยืน

ด้านนายเกียรติศักดิ์ กายสุต คณะกรรมการโครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ระดับประเทศ กล่าวว่าสำหรับโครงการฯเกษตรแปลงใหญ่อยู่ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แต่ที่ผ่านมารัฐบาลจัดสรรงบประมาณลงมาให้น้อยมาก ส่วนใหญ่จะเน้นงบฝีกอบรม สัมมนาและทัศนศึกษาดูงานมากกว่า ขณะที่งบฯดำเนินการจัดซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรต่าง ๆ ทางโครงการฯจะต้องยื่นขอกู้เงินในอัตราดอบเบี้ยต่ำตามที่รัฐบาลจัดให้มาดำเนินการเอง โดยขอกู้ได้โครงการละไม่เกิน 3 ล้านบาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละโครงการและความจำเป็นเร่งด่วนด้วย

เกษตรฯปลื้มแปลงใหญ่ เตรียมต่อยอดสู่ความยั่งยืน

 

“วัตถุประสงค์ของแปลงใหญ่ก็คือการลดต้นทุนการผลิต  มีเครื่องไม้เครื่องมือเข้ามาก็จะช่วยลดต้นทุนการผลิตได้มาก  ถ้าไปจ้างรถเอกชนภายนอกจะแพงกว่าเยอะ  ซึ่งสมาชิกแปลงใหญ่ก็จะจ่ายแค่ค่าคนขับ ค่าน้ำมันสิ้นปีก็มีเงินปันผลให้อีก”

 

นายเกียรติศักดิ์ ยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลสนับสนุนสถานที่เก็บผลผลิตเพื่องจะได้มีที่เก็บ ไม่ต้องจำหน่ายในทันทีหลังเก็บเกี่ยวผลผลิต  เพราะมีโอกาสถูกกดราคาจากพ่อค้าสูง แต่หากมีสถานที่เก็บจะสามารถรอจนกว่าราคาสูงขึ้นโดยไม่ต้องรีบจำหน่ายในทันที  โดยเฉพาะแปลงใหญ่ข้าว นอกจากนี้อยากให้ต่อยอดขยายผลแปลงใหญ่ที่ประสบผลสำเร็จเกรดเอ ยกระดับสู่ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีใช้เป็นสถานที่ศึกษาดูงานของเครือข่ายต่อไป 

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ระดับประเทศชุดปัจจุบันกำลังจะหมดวาระลงในวันที่ 18 ตุลาคม 2565 นี้และจะต้องมีการคัดเลือกคณะกรรมการฯชุดใหม่ ซึ่งจะมีวาระการดำรงตำแหน่ง 2 ปีระหว่างปี 2565 – 2567   โดยจะทำการคัดเลือกในวันที่ 8-9 กันยายน 2565 นี้ ณ ห้องประชุมกรมส่งเสริมการเกษตร โดยมีดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ เป็นประธาน

เกษตรฯปลื้มแปลงใหญ่ เตรียมต่อยอดสู่ความยั่งยืน

logoline